พัทลุง - ทนายความคนสนิท “เสี่ยแป้ง” เปิดจดหมายฉบับใหม่ แฉ 3 นายตำรวจเรียกรับสินบน และถูกอัยการเรียกเพิ่ม ด้านพี่ชายถูกตำรวจสั่งฟ้องฐานช่วยคนทำผิด ยื่นหลักทรัพย์ 3.6 หมื่นประกันตัว
จากกรณีที่ พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวิลภิญโญ รอง ผกก.6 พ.ต.ต.แดนรบ สมัยชูเกียรติ สว.กก.6 นายตำรวจที่เกี่ยวข้อง พร้อมพวก และ พ.ต.ท.ศิริพงศ์ สุขแก้ว สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ร่วมกันนำหมายค้นของศาลจังหวัดพัทลุง เข้าค้นบ้านพัก นายกษิชาติ ทองด้วง อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 ม.6 ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง ซึ่งนายกษิชาติ เป็นเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ซึ่งนายกษิชาติ เป็นญาติผู้พี่ของนายเชาวลิต (แป้ง นาโหนด) นั้น โดยจากการตรวจค้นในครั้งนี้ ทางตำรวจกองปราบได้พบอาวุธปืนยาว อาวุธปืนสั้น จำนวน 2 กระบอก แต่จากการตรวจสอบพบว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นอาวุธปืนที่ถูกต้อง ต่อมาทาง พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวิลภิญโญ รอง ผกก.6 ได้นำนายกษิชาติไปให้ พ.ต.ท.ศิริพงศ์ สุขแก้ว สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง และ ร.ต.อ.วิโรจน์ บุญแข รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ได้ร่วมกันสอบปากคำ
หลังจากนั้นในตอนบ่ายวันเดียวกัน ทางด้าน ร.ต.อ.วิโรจน์ บุญแข รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ นายกษิชาติ ทองด้วง อายุ 53 ปี ตามความผิดฐานฐานช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดเพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม และช่วยด้วยประการใดๆ ให้ผู้ที่หลบหนีจากการคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม
ต่อมา ทาง ร.ต.อ.วิโรจน์ บุญแข รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ได้ได้นำตัวนายกษิชาติ ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของนายเชาวลิต ไปศาลจังหวัดพัทลุง เพื่อยื่นคำร้องฟ้อง และขอให้ศาลออกหมายขัง โดยทางนายกษิชาติ ทองด้วง อายุ 53 ปี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 36,000 บาท เพื่อประกันตนเอง และศาลได้อนุญาตในการประกันตัว ก่อนปล่อยตัวในเวลาต่อมา ตามข่าวที่เสนอมาแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (29 พ.ย.) ร.ต.อ.วิโรจน์ บุญแข รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทลุง ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีดังกล่าว ได้นำสำนวนการสอบสวนส่งฟ้องสำนักงานอัยการจังหวัดพัทลุง เพื่อให้ทางสำนักงานอัยการได้พิจารณาว่าจะสั่งฟ้อง นายกษิชาติ ทองด้วง อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด ตามคำให้การแจ้งข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนหรือไม่
โดยนายกษิชาติ ทองด้วง อายุ 53 ปี พี่ชายเสี่ยแป้ง เปิดใจว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเรื่องทั้งหมดได้ให้ทนายเป็นผู้ดำเนินการ พร้อมกันนั้นในวันที่ 23 ตุลาคม 2566 ตนไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มหน้าโรงพยาบาลพัทลุง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเหมารวมว่าตนกดเงินเพื่อซื้อเสบียงอาหารให้เสี่ยแป้ง ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่ ตนกดเงินมา 1 หมื่นบาท เพื่อเอาเงินมาจ่ายค่าเทอมลูกไปโรงเรียน และผ่อนค่างวดรถ ซึ่งทั้งหมดมีพยานหลักฐาน โดยตนมองว่าสิ่งที่ตนเองโดนกระทำ และถูกดำเนินคดีไม่เป็นธรรมกับตนเอง
ส่วนจดหมายฉบับใหม่ซึ่งได้รับการประสานจากทนายความของเสี่ยแป้ง โดยทนายคนดังกล่าวค่อนข้างสนิทสนมกับเสี่ยแป้ง เป็นอย่างมาก โดยจดหมายฉบับนี้สามารถสรุปใจความได้ว่า มีตำรวจ 3 นาย แบ่งเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร 2 นาย และชั้นประทวน 1 นาย เรียกรับสินบนแลกกับการไม่ดำเนินคดี เป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ต่อมาได้มีอัยการเรียกเพิ่มอีก 500,000 บาท แต่เสี่ยแป้งได้ปฏิเสธที่จะจ่ายเงินให้ไป จึงดำเนินการสั่งฟ้องตนเพียงแค่คนเดียว ให้ตรวจสอบสินค้าในเรือนจำ เนื่องจากมีการขายสินค้าเกินราคากว่าที่กระทรวงพาณิชย์กำหนด ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้คุมเรือนจำ ซึ่งเสี่ยแป้งอ้างว่าผู้คุมเรือนจำได้มีการทำร้ายร่างกายผู้ต้องขัง รวมทั้งให้มีการรื้อฟื้นคดีของตน
ทั้งนี้ ทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ได้รับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับเสี่ยแป้ง ถึงเรื่องที่ร้องขอความเป็นธรรมมา แต่ไม่ได้แปลว่าจะเป็นการรับเงื่อนไขของเสี่ยแป้ง ต้องแยกแยะ เพราะเสี่ยแป้งมีสถานะเป็นผู้ต้องขัง ส่วนเรื่องที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็เป็นอีกเรื่อง โดยในวันพรุ่งนี้ ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ จะนำเรื่องดังกล่าวไปยื่นกับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงยุติธรรม ในเวลา 09.00 น. ให้ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องพฤติกรรมของผู้คุมเรือนจำ และเรื่องการขายสินค้าเกินราคา ในเวลา 09.30 น. ไปยื่นหนังสือที่สำนักงานอัยการสูงสุด ให้ตรวจสอบอัยการคนดังกล่าว และในเวลา 13.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการตรวจสอบตำรวจทั้ง 3 นายที่เสี่ยแป้งกล่าวอ้าง
โดยในข้อที่ 3 ที่เสี่ยแป้งพูดถึง พ.ต.ท.ศิริรัก รักษ์บุญยก หรือคนที่เคยก่อคดีแม่ค้าหอยเมื่อหลายปีที่แล้ว เสี่ยแป้งระบุว่าจับปืนเขาแล้วเอาตังค์ไป 50,000 บาท โดยคนที่เอาตังค์ไปให้คือจ่าแจ้
