ปัตตานี - ตม.ปัตตานี สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ตามจับกุมชายชาวไทยวัย 35 ปี ลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวพม่า 7 ราย เตรียมส่งผ่านไปประเทศเพื่อนบ้าน
ภายใต้การสั่งการของ พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.ศุภโชค หยงสตาร์ รอง ผบก.ตม.6 พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.ตม.6,ฝ พ.ต.ท.กฤตกรอิชณน์ คงขำ สว.ตม.จว.ปัตตานี สั่งการให้ชุดสืบสวนปราบปราม ตม.จว.ปัตตานี บูรณาการร่วมกับตำรวจท่องเที่ยว บก.ปส.4 กก.สส.บก.ตม.6 ส.รน.2 กก.7 บก.รน. กก.6 บก.ปคม. มว.ฉก.นปพ.ปน.12 ฉก.ทพ.43 กก.3 บก.ปอท. กก.2 บก.สอท.5 และ สภ.หนองจิก ร่วมกันจับกุมตัวบุคคลสัญชาติไทย 1 ราย คือ นายอิสมาแอ มายิ อายุ 35 ปี ที่อยู่ 120/2 หมู่ 2 ต.บางปู อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี พร้อมด้วยของกลางรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุดีแมคซ์ สีดำ จำนวน 1 คัน และโทรศัพท์มือถือ
สืบเนื่องจากตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายผ่านสาย 43 (สงขลา-ปัตตานี) ช่วงพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา ถึง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อดีอีซูซุแมคซ์ สีดำ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และได้รับคำสั่งให้ทำการตรวจสอบ หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงไปซุ่มรอตลอดเส้นทางตามที่ได้รับแจ้ง จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมพบเห็นรถยนต์กระบะ ซึ่งมีลักษณะตรงกันตามแจ้งขับผ่านมาตามเส้นทาง จึงได้ขับรถติดตามอย่างกระชั้นชิด จนเมื่อมาถึงจุดตรวจเกาะหม้อแกง หมู่ 7 ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วสั่งให้หยุดรถเพื่อขอทำการตรวจสอบ เมื่อรถหยุดพบ นายอิสมาแอ มายิ อายุ 35 ปี เป็นคนขับ
จากการสอบถามนายอิสมาแอ ให้การว่า ตนได้รับแจ้งจากภรรยาผ่านทางโทรศัพท์ว่าให้เดินทางไปรับบุคคลต่างด้าว (พม่า) ที่ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา จำนวน 7 คน โดยให้ค่าจ้างในราคาคนละ 3,000 บาท เพื่อนำไปส่งที่พื้นที่บ้านตาบา ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ซึ่งจะมีคนมารอรับอีกที ตนจึงได้ขับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุดีแมคซ์ สีดำ เป็นรถยนต์ที่ตนเพิ่งซื้อมายังไม่ได้รับโอน โดยออกเดินทางจากบ้านบางปู ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันที่ 26 พ.ย.
เมื่อเดินทางถึงที่หมายเวลาประมาณ 09.30 น. บริเวณป่ายางหลังนิคมอุตสาหกรรมบางกล่ำ ได้พบบุคคลต่างด้าว จำนวน 7 คน จากนั้นจึงให้บุคคลต่างด้าววางสัมภาระไว้หลังกระบะ แล้วให้ขึ้นไปแอบในห้องโดยสารทั้งหมด แล้วเดินทางไป ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยใช้เส้นทางหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก จนมาถึงริมถนนสาย 43 (สงขลา-ปัตตานี) จุดตรวจเกาะหม้อแกง หมู่ 7 ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี พบเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งสัญญาณให้หยุดรถ ตนจึงได้ทำการหยุดรถ ต่อมาตำรวจชุดจับกุมพบชายทราบเป็นสัญชาติพม่า จำนวน 7 คน นั่งอยู่ภายในห้องโดยสารรถตรงเบาะหลังคนขับ
จากการสอบถามผู้ต้องหา (ผ่านล่าม) ให้การว่า มีนายหน้าชาวพม่าเป็นผู้หญิงอยู่ประเทศมาเลเซีย ติดต่อผ่านนายหน้าซึ่งอยู่ประเทศพม้า ชื่อนายอูไข่ อายุประมาณ 35 ปี ประสานมายังพวกตนให้ไปทำงานที่มาเลเซีย โดยจะแจ้งค่าใช้จ่ายเมื่อไปถึง โดยพวกตนเดินทางมาจากเมืองย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 19 พ.ย.66 มาถึงเกาะสองวันที่ 25 พ.ย.66 จากนั้นนั่งเรือประมงเล็ก (เรือหางยาว) มาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ถึงฝั่งประเทศไทยเวลาประมาณ 20.00 น. แล้วนั่งรถกระบะสีดำ โดยมีคนไทยเป็นคนขับ ไม่ทราบแผ่นป้ายทะเบียน ในลักษณะแอบซ่อนนั่งซ้อนกันในห้องผู้โดยสาร โดยไม่ได้จอดหรือแวะจุดใด จนมาถึงป่ายางอยู่หลังนิคมอุตสาหกรรมบางกล่ำ เวลาประมาณ 08.00 น. พวกตนได้ลงจากรถคันดังกล่าวแอบซ่อนเพื่อรอรถมารับ เวลาประมาณ 09.00 น. ได้มีรถยนต์กระบะอีซูซุดีแมคซ์ สีดำ คันที่ถูกจับกุมมาจอดและส่งสัญญาณให้ขึ้นรถ พวกตนจึงรีบขึ้นรถคันดังกล่าวในลักษณะนั่งทับซ้อนกันภายในห้องผู้โดยสาร
ด้านนายอิสมาแอ ได้ให้การเพิ่มเติมอีกว่า ตนได้รับจ้างขนบุคคลต่างด้าวชาวพม่าในลักษณะนี้มาแล้ว 9 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 3,000 บาทต่อคนต่างด้าว 1 คน โดยค่าจ้างตนจะรับเป็นเงินสด จากชายชาวไทย ทราบชื่อแบมะ (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) เป็นชาว อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อส่งคนชาวพม่าถึงชายแดนช่องทางธรรมชาติที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกจับกุมคนไทยว่า กระทำผิดฐานรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย นำพา ซ่อนเร้นหรือช่วยเหลือด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม แจ้งข้อกล่าวหาคนต่างด้าวว่ากระทำผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวไม่เดินทางเข้ามาตามช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมือง เขตท่า สถานี หรือท้องที่ และตามกำหนดเวลาตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาโดยไม่ยื่นการตรวจอนุญาตของพนักงานเจ้าหน้าที่ของด่านตรวจคนเข้าเมืองประจำเส้นทางนั้น และไม่ยื่นรายการตามแบบที่กำหนดในกฎกระทรวง และเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
พร้อมทั้งได้แจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ถูกจับกุมทราบ ในชั้นจับกุมให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นจึงได้ควบคุมตัวมาทำบันทึกการจับกุมที่ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป