ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รัฐนตรีว่าการกระทรวงเกษตรร่วมงาน "วันรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเล" ครั้งที่ 13 "โอบกอดฉันไว้จนกว่าจะเจอความยุติธรรม" ณ ชุมชนชาวเลแหลมหลา หินลูกเดียว ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ตัวแทนชาวเลเผยปัญหาชาวเลหลายปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข
วันนี้ (26 พ.ย.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม พร้อมคณะได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดงาน "วันรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเล" ครั้งที่ 13 โอบกอดฉันไว้จนกว่าจะเจอความยุติธรรม ระหว่างวันที่ 25-26 พฤศจิกายน 2566 ณ ชุมชนชาวเลแหลมหลา หินลูกเดียว ตำบลไม้ขาว อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
โดยมีนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายศรัทธา ทองคำ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ โดยการจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมความเข้มแข็งเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล การพัฒนาความร่วมมือในการฟื้นฟูวิถีชีวิตและการแก้ปัญหาในระดับนโยบาย ตลอดจนการประกาศเขตคุ้มครองทางวัฒนธรรมของชุมชนชาวเล ซึ่งมีพี่น้องเครือข่ายชาวเลอันดามัน กลุ่มชาติพันธุ์ องค์กรหน่วยงาน ประชาสังคมนักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ สื่อมวลชนจำนวนกว่า 500 คนเข้าร่วม
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรองประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวเลและกลุ่มชาติพันธุ์ ทั้งในส่วนของโฉนดที่ดิน ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข การปรับสิ่งแวดล้อมที่อยู่อาศัย เช่น ห้องน้ำห้องส้วมให้ถูกสุขลักษณะ เพื่อให้กลุ่มชาวเลและกลุ่มชาติพันธุ์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น"
โดย น.ส.อรวรรณ หาญทะเล ผู้แทนคณะจัดงานวันรวมญาติชาติพันธุ์ชาวเล ครั้งที่ 13 กล่าวรายงานว่า "กลุ่มชาติพันธ์ชาวเลเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมที่อาศัยในพื้นที่ทะเลอันดามันมากว่า 300 ปี มี 3 เผ่า คือ มอแกน มอแกลน อูรักลาโว้ย พวกเราหาอยู่ทำกินแบบพอเพียงและพึ่งพิงธรรมชาติ ปัจจุบันมีอยู่จำนวน 14,367 คน 46 ชุมชน กระจายใน 5 จังหวัด ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ และสตูล ถึงแม้จะมีความพยายามในการแก้ไขปัญหาตามมติคณะรัฐมนตรี 2 มิถุนายน 2553 เป็นแนวทางนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล ที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการ ในการสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย การผ่อนปรนการใช้เครื่องมือดั้งเดิมของชาวเล 17 ชนิด การเข้าถึงระบบสุขภาพ สิทธิการเข้าถึงบริการของรัฐ การแก้ปัญหาสิทธิสถานะบุคคล การศึกษาที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตชาวเล ภาษาวัฒนธรม ปัญหาอคติทางชาติพันธุ์ ท่ามกลางการพัฒนาทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การประกาศเขตอนุรักษ์ทั้งทางทะเลและในเขตป่า ทำให้วิถีชีวิตของพวกเราชาวเลเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ถึงแม้จะมีความพยายามในการแก้ไขปัญหายังมีข้อติดขัดหลายประการ ดังนี้ ประการที่หนึ่ง ปัญหาความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัยทั้งที่อยู่อาศัยมายาวนาน ซึ่งมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 25 ชุมชน ที่ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน ทั้งในที่ดินรัฐและที่ดินเอกชนอ้างสิทธิ มีข้อพิพาท 7 แห่ง 1,228 หลังคาเรือน ทำให้ไม่สามารถพัฒนาที่อยู่อาศัยและเข้าถึงบริการของรัฐ
ประการที่สอง ปัญหาสุสานและพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์เพื่อประกอบพิธีกรรมถูกรุกราน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่พื้นที่ชายหาดริมทะเล จากการสำรวจพบว่ากำลังมีปัญหาถึง 15 แห่ง ทำให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาวะทางจิต ประการที่สาม ปัญหาที่ทำกินในทะเล แต่เดิมชาวเล หากินตามเกาะแก่งและหน้าหาด แต่ปัจจุบันมีการห้ามชาวเลไม่ให้เข้าไปหากินในที่ทำกินตั้งเดิม หรือ "ทะเลหมุนเวียน" ด้วยกฎหมายอนุรักษ์และนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ส่งผลให้ชาวเลถูกจำกัดสิทธิ ถูกจับกุมคำเนินคดี ถูกยึดเรือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ประการที่สี่ ปัญหาสุขภาพมาจากหลายประการ เช่น ต้องดำน้ำลึกขึ้นทำให้หลายคนต้องพิการ การเข้าไม่ถึงสิทธิในการรักษาพยาบาล ความยากจน ความห่างไกลสถานที่ให้บริการทางสาธารณสุข และไร้สิทธิสถานะทางทะเบียน เป็นต้น
ประการที่ห้า การศึกษาเด็กเยาวชนชาวเล ได้รับโอกาสในการศึกษาน้อยและหลักสูตรไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตวัฒนธรรม ประกอบกับปัญหาความยากจนทำให้ขาดทุนทรัพย์เพื่อใช้ในการศึกษา ประการที่หก สูญเสียความภาคภูมิใจในภาษาและวัฒนธรรมเพราะขาดการส่งเสริมที่ดี ประการที่เจ็ด การไร้สิทธิและสถานะบุคคลมีชาวเลกว่า 500 คนที่เป็นผู้ไร้สถานะทางทะเบียน
ประการที่แปด ชาวเลเผชิญกับอคติชาติพันธุ์ของคนในสังคม ทำให้การแก้ปัญหาต่างๆ เป็นไปอย่างล่าช้า กระบวนการและขั้นตอนที่ซับซ้อน ประการที่เก้า การเข้าไม่ถึงกระบวนการยุติธรรม เพราะความยากจน ขาดความรู้ และมีความกลัวต่อปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเล เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่มาจากการพัฒนาที่ไม่สมดุล โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยว การประกาศเขตอนุรักษ์ของรัฐ และอคติชาติพันธุ์ ส่งผลให้เบียดบังวิถีชีวิตวัฒนธรรมของชาวเลจนเป็นกลุ่มเปราะบางที่รัฐบาลสนับสนุนเพื่อรักษาความหลากหลายทางวัฒนธรรม และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กว่า 13 ปี ปัญหาของพี่น้องชาติพันธุ์ชาวเล มีบางส่วนที่สามารถแก้ไขใด้ ซึ่งต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันพยายามลงมือทำอย่างจริงจัง แต่ยังมีปัญหาอีกมากที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้เพราะปัญหาชาวเลเป็นปัญหาเชิง
โครงสร้างที่สั่งสมมานานและเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ทำให้ไม่อาจจะแก้ปัญหาได้โดยองค์กรใดองค์กรหนึ่ง หรือใช้มติคณะรัฐมนตรีเพียงอย่างเดียว
ดังนั้น การจัดงานในครั้งนี้มีเป้าประสงค์ที่สำคัญคือ การให้กลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลเข้าถึงความยุติธรรม มีสิทธิสถานะทางทะเบียน เข้าถึงสวัสดิการแห่งรัฐ และสร้างสุขภาวะที่ดีในชุมชนชาวเล พื้นที่คุ้มครองเขตพื้นที่วัฒนธรรมกลุ่มชาติพันธุ์ ที่จะเป็นแนวทางสำคัญหนึ่งในการแก้ปัญหา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม รวมทั้งเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนตามนโยบายของรัฐบาล