สุราษฎร์ธานี - "อดีตผัวน้องฝน" สาวข้าราชการ อบต. เปิดปากฆ่าเพราะหึงหวง เมียคุยคนอื่น ถูกดูถูกเหยียดหยาม ทำระงับอารมณ์ไม่อยู่บีบคอจนเสียชีวิต ก่อนนำศพไปทิ้งโบกปูนทับ
เมื่อเวลา 09.30 น. พล.ต.ต.นภัณวุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพศาล สังข์เทพ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ควบคุมตัวนายประสิทธิพร พัฒน์มาก อายุ 39 ปี อดีตสามีของ น.ส.กวินนา หรือฝน บุณเมศวร์ อายุ 38 ปี เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ อบต.เพิ่มพูนทรัพย์ อ.บ้านนาสาร ไปชี้ที่เกิดเหตุหลังให้การรับสารภาพในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย
ทั้งนี้ จากการสอบสวนปากคำนายประสิทธิพร ให้การรับสารภาพ ว่า เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.วันที่ 13 พ.ย. ตนและภรรยามีปากเสียงเกี่ยวกับเรื่องความหึงหวง เนื่องจากทราบว่า ในช่วงที่ผ่านมาภรรยาได้คุยกับคนอื่น และตนถูกภรรยาใช้ถ้อยคำที่ดูถูกเหยียดหยาม จนไม่สามารถระงับอารมณ์ได้ ตรงเข้าไปผลักจนภรรยาล้มลงบนที่นอน ก่อนจะตามเข้าไปบีบคอ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที จนภรรยาแน่นิ่งไป และพบว่าภรรยาเสียชีวิต จึงได้หาทางเคลื่อนย้ายศพเพื่อปกปิดความผิด
จนกระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ตนได้นำศพของภรรยาขึ้นรถยนต์กระบะ วางศพไว้ที่เบาะนั่งตอนหน้าคู่กับคนขับ แล้วขับมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองสุราษฎร์ธานี โดยใช้ถนนสายนาสาร-สุราษฎร์ธานี ผ่านตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ไปตามถนนสาย 417 มุ่งหน้าเข้าถนนสาย 41 แล้วขับล่องใต้ไปจนถึง อ.เวียงสระ แต่ไม่สบโอกาสในการทิ้งศพ จึงได้ย้อนกลับมาตามถนนสายนาสาร-สุราษฎร์อีกครั้ง ก่อนตัดสินใจใช้ทางลัดมุ่งหน้าเข้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จนพบจุดทิ้งศพ โดยได้นำร่างของภรรยาไปวางไว้ใกล้ท่อระบายน้ำดังกล่าว เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.วันที่ 14 พ.ย.
จากนั้นในช่วงเช้าของวันที่ 14 พ.ย. ได้นำที่นอน เพื่อไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าในเขตเทศบาลนาสาร แต่ร้านปิดจึงได้ทิ้งที่นอนไว้หน้าร้าน จนเมื่อมีผู้ทราบว่า ภรรยาได้หายตัวไป และมีผู้มาตามหาที่บ้าน จึงได้ตัดสินใจเข้าแจ้งความที่โรงพักบ้านนาสาร เมื่อเวลาประมาณเที่ยงวันของวันที่ 15 พ.ย. โดยหลังจากแจ้งความเสร็จแล้ว ตนได้ย้อนกลับมาดูที่ทิ้งศพอีกครั้ง และเกรงว่าจะมีผู้มาพบศพ จึงได้ไปจัดเตรียมซื้อปูน และทรายมาโบกศพ ภรรยาในวันที่ 16 พ.ย. เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. และระหว่างเดินทางกลับบ้านพัก กได้นำทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยา เช่น โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าสตางค์ไปทิ้งตามจุดต่างๆ
นายประสิทธิพร ยอมรับด้วยว่า หลังจากที่เข้าแจ้งความคนหาย และพบว่าตำรวจยังไม่มีเบาะแส หรือพบศพภรรยา จึงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าหน้าที่ ด้วยการสร้างสถานการณ์ ร้องขอให้เพื่อนที่อยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ดำเนินการเขียนจดหมายในลักษณะเป็นจดหมายของภรรยาให้ส่งไปถึงเพื่อนที่อำเภอหาดใหญ่ ในลักษณะว่าภรรยาหนีออกจากบ้านไป