xs
xsm
sm
md
lg

งานในอนาคตกับการพัฒนาบุคลากรดิจิทัล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทัศนะ โดย.. ผศ.ดร.โสภิณ จิระเกียรติกุล คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ และ อาจารย์พัลลภัช เพ็ญจำรัส คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่

**บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัด**

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย เรื่อง “เศรษฐกิจดิจิทัลของภาคการเงิน” ภายใต้แผนงานอาเซียนในกระแสแห่งความพลิกผัน ระยะที่ 2 เรื่องเศรษฐกิจดิจิทัลและงานในอนาคต : การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของภาคการเงิน กรณีศึกษาประเทศอินโดนีเซีย ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประจำปี 2565 โดยอาศัยกรอบแนวคิดจากประเด็นนัยของการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในภาคการเงินผ่านมุมมองจากประเทศอินโดนีเซีย เรื่อง พัฒนาการและการเปลี่ยนผ่านลักษณะงาน เส้นทางอาชีพสำหรับตลาดแรงงานในภาคการธนาคาร และทิศทางของตลาดงานในอนาคตในประเทศอินโดนีเซียที่เป็นผลจากการมีธุรกรรมภาคการเงินดิจิทัล

๐ อะไรคือช่องว่างของการนำไปสู่การผลิตบุคลากรดิจิทัล?

ประเทศอินโดนีเซียได้ตั้งเป้าหมายแรงงานที่มีทักษะดิจิทัลขั้นกลางและขั้นสูงที่ร้อยละ 50 ภายในปี 2567 ปัจจุบันร้อยละ 50 ของกำลังแรงงานในอินโดนีเซียมีทักษะดิจิทัลขั้นพื้นฐานถึงระดับกลาง ในขณะที่ทักษะดิจิทัลขั้นสูงมีน้อยเพียงร้อยละ 1 อุปสรรคที่สำคัญคือมากกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานในปัจจุบันเป็นแรงงานที่มีระดับการศึกษาต่ำ ซึ่งไม่ได้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในงานหลักของพวกเขา จึงเป็นเรื่องยากในการยกระดับทักษะหรือเข้าร่วมโปรแกรมความรู้ทางดิจิทัล ประกอบกับการไม่มีกระบวนการพัฒนาบุคลากรจากเจ้าของธุรกิจที่เห็นว่าเป็นการลงทุนที่ยังไม่คุ้มที่จะเสี่ยง

นอกจากนี้ หลักสูตรการศึกษาในปัจจุบันยังไม่ตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานดิจิทัล ยังขาดการสอนทักษะที่สำคัญอย่างเช่น การสื่อสาร การทำงานร่วมกัน และการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งจำเป็นมากขึ้นเพื่อให้ทันกับความท้าทายและการแข่งขันที่เผชิญในสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน การขาดแรงจูงใจในการนำวัฒนธรรมการยกระดับทักษะและการเรียนรู้ตลอดชีวิตมาใช้ในระบบการศึกษาในอินโดนีเซีย จึงทำให้อัตราการปรับตัวเข้ากับภูมิทัศน์ของเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเป็นไปอย่างเชื่องช้า

ประการต่อมา คือ โปรแกรมอบรมทักษะขั้นสูงถูกจำกัดให้กับเฉพาะคนที่มีวุฒิการศึกษาระดับสูง (แรงงานที่มีระดับการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นหรือต่ำกว่า ร้อยละ 2 เท่านั้นที่ได้รับการฝึกอบรมทักษะด้านไอซีที ในขณะเดียวกัน พนักงานที่มีอนุปริญญาหรือปริญญาในมหาวิทยาลัย ร้อยละ 32 ได้รับการฝึกอบรม) ซึ่งปัญหานี้รัฐบาลรับทราบและมีแผนการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต ผ่านโปรแกรมการฝึกงาน และการฝึกภาคสนามจากประสบการณ์จริงในการลงมือทำ

๐ งานในอนาคตกับการพัฒนาบุคลากรดิจิทัล

โดยรวม อุตสาหกรรมการชำระเงินดิจิทัลในอินโดนีเซียคาดว่าจะสร้างโอกาสการจ้างงานใหม่ในภาคส่วนต่างๆ โดยเน้นเป็นพิเศษในด้านเทคโนโลยี การตลาด และการบริการลูกค้า การเติบโตของอุตสาหกรรมนี้มีแนวโน้มที่จะมาพร้อมกับนวัตกรรมและการพลิกโฉม ซึ่งสร้างความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ให้แก่พนักงานในธุรกิจการชำระเงินดิจิทัล

อย่างไรก็ดี ยังมีข้อจำกัดอีกมากมายที่จะเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาบุคลากรดิจิทัล รัฐบาลอินโดนีเซียที่จะต้องสร้างสมดุลให้กับการพัฒนากำลังคนกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ไม่เช่นนั้นจะเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงตำแหน่งงานดิจิทัลในอนาคต

กล่าวโดยสรุป ภาพรวมทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจและสถานการณ์ทักษะดิจิทัลในอินโดนีเซีย ยังคงเป็นความท้าทายและข้อจำกัดในการพัฒนาทักษะดิจิทัล กลยุทธ์เบื้องต้นซึ่งดำเนินการโดยรัฐบาล ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อเพิ่มความรู้และทักษะด้านดิจิทัลในอินโดนีเซียยังคงต้องได้รับการพัฒนาต่อเนื่อง ในงานศึกษาอย่างเป็นทางการพบว่า การฝึกอบรมสายอาชีพ และการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ เป็นสามช่องทางในการเสริมสร้างความรู้ด้านดิจิทัลและทักษะด้านดิจิทัล (The SMERU Research Institute, 2022) โดยเป็นรูปแบบในการพัฒนาที่ผสมผสานทั้งในด้าน (1) การครอบคลุมด้านดิจิทัลให้พลเมืองทุกกลุ่ม (digital inclusion) และในทุกภาคการผลิตโดยเฉพาะในภาคเกษตร (2) การมีความรู้ในเรื่องดิจิทัล (digital literacy) และ (3) การส่งเสริมสมรรถนะด้านดิจิทัลสำหรับแรงงาน (digital competency in the workforce)

๐ ถอดบทเรียนสู่แนวนโยบายสู่งานในอนาคตและการพัฒนาบุคลากรดิจิทัลในระดับสากล

การลงทุนในทักษะสำหรับอนาคตที่มากขึ้น โดยการลงทุนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์นั้น เป็นทิศทางงานในอนาคตที่ประเทศต่างๆ ที่กำลังพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล (รวมถึงกรณีประเทศไทยด้วย) จำเป็นต้องมีระบบการคาดการณ์ทักษะ เพื่อทำความเข้าใจความต้องการในปัจจุบันและอนาคตได้ดียิ่งขึ้นในทุกระดับ ไม่ว่าจะเพิ่มการลงทุนในสถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและคณาจารย์ ส่งเสริมให้ผู้หญิงเรียนสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์มากขึ้น (STEM) และเพิ่มการมีโอกาสในการเข้าไปมีส่วนร่วมในอาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) มีการจัดการกับช่องว่างทักษะระหว่างทักษะที่ได้รับในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอาชีวศึกษาและทักษะที่อุตสาหกรรมต้องการ เพิ่มจุดเน้นของการฝึกอบรมและการศึกษาทักษะด้าน soft skill และลงทุนในระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิตที่มีประสิทธิภาพและการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องในด้าน ICT (ILO, 2022)

เพื่อให้ตลาดแรงงานเติบโตและสอดรับกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลของภาคการเงินการธนาคารในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น