พัทลุง - 15 วันหลังปะทะบนเขาบรรทัดยังไร้วี่แวว “แป้ง นาโหนด” ผู้นำพื้นที่เชื่อหนีลงจากป่ามาตั้งแต่วันปะทะ ขณะเดียวกันยังครบรอบ 1 เดือนที่หลบหนีจาก รพ. ความคืบหน้าของคดีสอบสวนพบยังมีการพาดพิงผู้อื่นอีก ซึ่งกำลังรวบรวมหลักฐานออกหมายจับเพิ่ม
วันนี้ (22 พ.ย.) เป็นวันที่ 15 ของการไล่ล่า “แป้ง นาโหนด” ในพื้นที่เทือกเขาบรรทัด โดยเฉพาะในพื้นที่รอยต่อของ 3 จังหวัด ประกอบด้วย จ.พัทลุง จ.ตรัง และ จ.สตูล ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรยังคว้าน้ำเหลวในการไล่ล่า แป้ง นาโหนด ในส่วนของการไล่ล่าวันนี้หลายหน่วยไม่ว่าหน่วยปฏอบัติการพิเศษ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ชุดแดนไทย 54 ตชด.ค่ายนเรศวร จ.เพชรบุรี ตชด 43 หน่วยชิงก้า ตชด.44 หน่วยลาชู พร้อมตำรวจชุดสืบสวนภูธรพัทลุง ภารกิจวันนี้ยังอยู่ในที่ตั้ง หลังจากตลอดระยะเวลา 15 วันหลังปะทะบนยอดเขา เจ้าหน้าที่ได้ไล่ล่าติดตามและเคลียร์พื้นที่ตามเส้นทางที่หลบ จากยอดเขามาบ้านป่าพงษ์ ในพื้นที่ ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง แต่ยังไม่พบตัว แป้ง นาโหนด
โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่ประจำจุดสกัดและเจ้าหน้าที่ชุดไลล่า ได้แต่เฝ้ารอตามจุดและฐานต่างๆ เท่านั้น เนื่องจากสภาพร่างกายที่ล้าประกอบกับเสื้อผ้าที่นำมาใช้ส่วนตัว อย่างรองเท้า ถุงเท้า เสื้อผ้าที่เปียกฝน ต้องก่อไฟผิงให้แห้ง และรอคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงว่าจะให้ค้นหาต่อหรือถอนกำลังกลับ
ขณะที่ชุดไลล่าระบุ จากข้อมูลการข่าวของชาวบ้านคาดว่า แป้ง นาโหนด ได้หลบหนีลงจากป่าเขาบรรทัดตั้งแต่วันที่เกิดการปะทะในช่วงเย็นอาจจะเป็นเรื่องจริง เพราะเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาหลังจากเกิดเหตุปะทะ 2 วัน จึงไม่พบผู้ต้องหา แม้จะมีการปิดทุกเส้นทางที่ลงจากเทือกเขา
ด้าน นายสิงห์ ชนะสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 บ้านป่าพงษ์ ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง กล่าวว่า ตนเองเชื่อว่า แป้ง นาโหนด ได้หนีลงจากเทือกเขาตั้งแต่วันแรก เพราะระยะทางจากจุดปะทะมาถึงบ้านป่าพงษ์ใช้เวลาเดินเท้าไม่เกิน 3 ชั่วโมงถึงป่าริมหมู่บ้าน โดยวิสัยของคนถ้าหนีแล้วต้องวิ่งหลบหาที่ปลอดภัย ถ้าวิ่งเข้าป่าลึกไปคงไม่ใช่สัญชาตญานของคน ตนเลยเชื่อเหมือนลูกบ้านว่า แป้งหลบหนีลงมาจากป่าแล้ว แต่จะไปทางไหนนั้นตนไม่แน่ใจ
ขณะเดียวกัน วันนี้ (22 พ.ย.) ยังครบรอบ 1 เดือน สำหรับการหลบหนีของแป้ง นาโหนด ที่ได้หลบหนีการควบคุมของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ขณะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และจนถึงวันนี้การสอบสวนและสืบสวนติดตามกลุ่มผู้ต้องหาที่ได้ให้การช่วยเหลือ นายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด หลบหนีไป มีการออกหมายจับแล้ว 7 คน สามารถจับกุมได้ทั้ง 7 คน ทั้งหมดถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ตามการขออำนาจศาลผลัดฟ้องฝากขังของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช
และกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวน 3 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หรือผู้คุมขณะเข้าเวร 2 นาย ผู้ที่รับว่าเป็นผู้เปลี่ยนตรวน 1 ราย ทั้ง 3 รายได้เข้ามอบตัวสู้คดี ส่วนกรมราชทัณฑ์มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วนำไปสู่การสอบสวนวินัยร้ายแรงจำนวน 4 นาย แบ่งออกเป็นผู้ที่ถูกออกหมายจับ 3 ราย และผู้อำนวยการส่วนงานในฐานะผู้บังคับบัญชาชั้นต้นที่ได้สั่งการให้นำตัว นายเชาวลิต ออกจากเรือนจำไป รพ. อีก 1 ราย โดยรายนี้ไม่ได้ถูกหมายจับในคดี
ส่วนผู้บัญชาการเรือนจำได้ถูกคำสั่งโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์ว่าแม้จะอ้างว่าเป็นตำแหน่งในระนาบเดียวกัน แต่ศักดิ์ของตำแหน่งกลับมีความกว้างขวางมากขึ้นในขอบเขตของงานตามคำสั่ง
ส่วนความคืบหน้าของคดีนอกเหนือจากการไล่ในพื้นที่ตรัง พัทลุง และนครศรีธรรมราช เป็นจุดตั้งต้นของการดำเนินคดี นอกเหนือจากผู้เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือหลบหนียังมีเจ้าหน้าที่ทั้ง 10 ราย
พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้ระบุถึงความคืบหน้าของคดีว่า ทั้ง 7 รายให้การสอดคล้องต้องกันรวมทั้งการนำไปสู่หลักฐานต่างๆ แม้กระทั่งการไปซื้อหากุญแจที่ใช้สำหรับมาช่วยไขกุญแจข้อเท้า การใช้โทรศัพท์มือต่างๆ และระบุด้วยว่าในกลุ่มของผู้ถูกออกหมายจับนั้นเมื่อสอบสวนพบว่ายังพาดพิงออกไปหาผู้อื่นอีก ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าจะออกหมายจับได้อีก ทั้งในกลุ่มพลเรือน และกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งได้ประสานกับทาง บช.ภ.9 หากการสอบสวนที่ไปแตะถึงใครจะต้องเอาตัวมาดำเนินคดีทุกราย อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าข้อมูลจากผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช สอดคล้องกับ ผบ.ตร.ที่ได้เปิดเผยช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า อาจมีการดำเนินคดีกับตำรวจบางคนที่มีส่วนในการช่วยเหลือ นายเชาวลิต อีกด้วย
ส่วนในพื้นที่นั้นการสืบสวนอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงขบวนการช่วยเหลือยที่เกี่ยวข้องกัน โดยเฉพาะการรวบรวมหลักฐานทางเทคโนโนโลยีที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะการลงทุนใช้จ่ายเพื่อการหลบหนีนั้น พบว่ามีการเตรียมการอย่างดี การใช้จ่ายที่เกิดขึ้นมีการจ่ายออกไปเป็นเงินสด ทำให้การตรวจสอบเส้นทางการเงินเป็นไปอย่างยากลำบาก มีรายงานเบื้องต้นว่าการใช้จ่ายเงินเพื่อการหลบหนีของ นายเชาวลิต เป็นวงเงินไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท กระจายไปยังผู้เกี่ยวข้องหลายกลุ่ม
