xs
xsm
sm
md
lg

คาดหากยังไม่พบตัว “เสี่ยแป้ง” จะเปลี่ยนแผนปฏิบัติการ เน้นเชิงเขาติดกับหมู่บ้านในพัทลุง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พัทลุง - คาดหากยังไม่พบตัว “เสี่ยแป้ง” ทางเจ้าหน้าที่อาจเปลี่ยนแผนปฏิบัติการ โดยเน้นบริเวณเชิงเขาติดกับหมู่บ้านใน จ.พัทลุง ด้านชุดปฏิบัติการได้เบาะแสจากชาวบ้านลุยค้นถ้ำลา

วันนี้ (21 พ.ย.) สำหรับความคืบหน้าปฏิบัติการล่าตัว “เสี่ยแป้ง” โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ตามแนวเชิงเขาบรรทัด ในพื้นที่ ต.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง โดยมีจุดหลักๆ คือบริเวณอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง บ้านท่าช้าง บ้านป่าพงศ์ บ้านไร่ตก และน้ำตกหม่อมจุ้ย เเต่มาจนถึงขณะนี้ยังไม่พบพยานหลักฐาน หรือเบาะเเสใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเสี่ยแป้ง

ส่วนที่จุดบริเวณอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง ซึ่งเป็นจุดปฏิบัติการหลักมาตั้งแต่แรก พบว่าเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สภาพอากาศค่อนข้างมืดครึ้ม ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่ได้มีการวางแผนไว้ ซึ่งพบว่าเมื่อช่วงเช้าทางเจ้าหน้าที่มีการนำเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจ จำนวน 1 ลำ มาจอดเตรียมความพร้อมอยู่บริเวณอ่างเก็บน้ำคลองหัวช้าง แต่ด้วยสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ยังไม่สามารถปฏิบัติการได้ในช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยมีการวางแผนไว้ว่าในส่วนของเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวจะบินสนับสนุนภารกิจของทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการในส่วนของชุดลาดตระเวน จำนวน 12 นาย คือเจ้าหน้าที่ชุดแดนไทย 54 รวมพรานในพื้นที่อีก 2 ราย เพื่อเข้าไปลาดตระเวนก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่าการเข้าปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นการเข้ายังจุดบริเวณที่พบเบาะแสหรือความเคลื่อนไหวของเสี่ยแป้งในอดีต ตั้งแต่จุดบริเวณปะทะ รวมไปถึงจุดที่พบร่องรอยหลักฐานที่คาดการณ์ว่าอาจจะเป็นร่องรอยของทางด้านเสี่ยแป้ง ในช่วงที่มีการหลบหนีอยู่ภายในบริเวณป่า โดยทางเจ้าหน้าที่เองพยายามจะเร่งเคลียร์ในส่วนบริเวณจุดเทือกเขาบรรทัด เพื่อทำให้มั่นใจว่าทางด้านเสี่ยแป้ง อาจจะมีการหลบหนีลงมาบริเวณพื้นที่เชิงเขา หรืออาจจะมีการเข้าไปอยู่ในบริเวณหมู่บ้านใกล้กับเชิงเขาในส่วนของ จ.พัทลุง

อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ลาดตระเวน และมีการค้างแรมอยู่ในป่าเทือกเขาบรรทัด ณ ขณะนี้มีอยู่ 2 หน่วย คือ เจ้าหน้าที่ชุดแดนไทย 54 และซิงก้า ส่วนเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษตำรวจภูธร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เป็นการลาดตระเวนแบบไปกลับ


โดยในส่วนบริเวณน้ำตกท่าช้าง เมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) โดยจุดบริเวณดังกล่าวจะเป็นในส่วนของทางเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ภ.จว.ปัตตานี มีการนัดรวมพลในส่วนของเจ้าหน้าที่ช่วงเวลา 9 โมง ก่อนที่จะมีการประชุมเพื่อวางแผนเส้นทาง และเป้าหมายในการลาดตระเวนของวันนี้ หลังจากนั้นช่วงประมาณ 10 โมง ทาง ร.ต.ท.โยคิน วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าชุดสยบศึกฉลามทอง จ.ปัตตานี ได้มีการสั่งการให้ชุดปฏิบัติการ จำนวน 7 นาย ได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเป้าหมาย โดยในส่วนของจุดเป้าหมายวันนี้ที่ทางชุดปฏิบัติการดังกล่าวจะเข้าไปตรวจสอบนั้นจะเป็นจุดบริเวณใกล้กับน้ำตกท่าช้าง ภายหลังที่มีชาวบ้านให้ข้อมูลว่า จุดบริเวณดังกล่าวมีลักษณะเพิงหินทับซ้อนกันคล้ายถ้ำ ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านเองเคยเข้าไปและเห็น รวมไปถึงชาวบ้านบางส่วนยังมีการเรียกในส่วนของเพิงหินดังกล่าวว่า “ถ้ำลา”

ซึ่งชุดปฏิบัติการได้มีการออกจากบริเวณศูนย์บัญชาการช่วงประมาณ 10 โมงกว่า ก่อนที่จะกลับมาช่วงประมาณบ่าย 2 โมง โดยเบื้องต้นในส่วนของจุดที่เข้าไปค้นหานั้น พบว่าบริเวณพิกัดจะอยู่ห่างจากศูนย์บัญชาการประมาณ 6-7 กิโลเมตร โดยลักษณะจะเป็นเส้นทางที่ขึ้นไปยังเทือกเขาบรรทัด ซึ่งจุดดังกล่าวหากเดินเลยไปจะไปบรรจบกับบริเวณพื้นที่ อ.ศรีนครินทร์ หรือพื้นที่ อ.กงหรา และสามารถไปยังบริเวณ จ.ตรังได้ แต่ค่อนข้างใช้ระยะเวลานาน ซึ่งจากการเข้าไปปฏิบัติการพบว่าเส้นทางนั้นจะเป็นลักษณะเส้นทางเรียบ ในส่วนของน้ำตกหรือทางน้ำไหล โดยการเดินเท้านั้นจะต้องใช้เวลา และความระมัดระวัง เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นพื้นดินสลับกับพื้นหิน รวมไปถึงบางช่วงบางตอนจะต้องมีการข้ามลำธารกว่า 6 ลำธาร อาจจะต้องมีการโหนในส่วนของกิ่งไม้หรือเถาวัลย์ในพื้นที่เพื่อข้ามลำธารดังกล่าวด้วย

โดยจากการสำรวจในส่วนของจุดเป้าหมาย ปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปพบถ้ำตามที่ทางชาวบ้านได้ให้ข้อมูล โดยบริเวณถ้ำดังกล่าวนั้นยังพบในส่วนของอุปกรณ์ยังชีพบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นของใช้ในการจับปลา รวมไปถึงยังเจอในส่วนของกองไฟ เศษปลากระป๋อง รวมไปถึงยังพบในส่วนของกางเกง และผ้าห่มที่ตากอยู่ในบริเวณดังกล่าว


ทางชุดปฏิบัติการที่เข้าไปยังบริเวณถ้ำลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองได้เปิดเผยในส่วนของลักษณะว่า เบื้องต้นบริเวณที่เข้าไปนั้นจะอยู่ห่างกับจุดที่ทางเจ้าหน้าที่มีการตั้งจุดสกัดกั้นบริเวณเชิงน้ำตกท่าช้าง โดยบริเวณในส่วนของถ้ำนั้นจะห่างจากจุดดังกล่าวที่ทางเจ้าหน้าที่เริ่มเดินประมาณ 7 กิโลเมตร โดยต้องใช้ระยะเวลาเดินเท้าขึ้นลงนานกว่า 4-5 ชั่วโมง

ทั้งนี้ ภายหลังที่ทางชาวบ้านได้ให้เบาะแส ทางชุดปฏิบัติการได้เข้าไปตรวจสอบ และพบกับถ้ำดังกล่าว ซึ่งลักษณะของถ้ำนั้นจะเป็นเหมือนเพิงหิน 2 ก้อนมาพิงกัน ทำให้บริเวณใต้ท้องหินดังกล่าวสามารถเข้าไปนั่งหลบแดดหลบฝน หรือสามารถเข้าไปนั่งพักได้ แต่ในส่วนของทางเข้าถ้ำนั้นต้องยอมรับว่า หากทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ข้อมูลหรือเบาะแสจากทางชาวบ้านเอง อาจจะทำให้ไม่สามารถเจอหรือสังเกตได้ว่าจุดหรือบริเวณดังกล่าวนั้นเป็นถ้ำ หรือที่พักพิงของชาวบ้าน

อีกทั้งในส่วนของการเข้าไปบริเวณปากถ้ำ ยังต้องมีการโหนในส่วนของเถาวัลย์เพื่อข้ามลำธารที่อยู่บริเวณหน้าถ้ำ เนื่องจากบางช่วงบางตอนปริมาณน้ำที่ค่อนข้างเยอะและสูง ทำให้ไม่สามารถเดินฝ่าเข้าไปได้

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในส่วนของบริเวณถ้ำ พบมีร่องรอยคล้ายบุคคลพักอาศัยหรืออยู่มาก่อนหน้านี้ โดยสิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและพบเจอนั้น จะเป็นในส่วนของข้องจับปลาเก่าที่ชำรุด พร้อมกับกระเป๋านักเรียน พบในส่วนของกระป๋องปลากระป๋องสำเร็จรูป จำนวน 2 กระป๋อง กองไฟเก่า จานข้าว แก้วเหล็ก ผ้าห่มขนาดใหญ่ รวมไปถึงในส่วนของเศษอาหาร แต่ไม่พบในส่วนของร่องรอยเท้าคนในพื้นที่

ซึ่งจากการประเมินของทางเจ้าหน้าที่ มองว่าร่องรอย และหลักฐานที่ตรวจสอบ หรือเข้าไปเจอภายในบริเวณถ้ำนั้นน่าจะไม่ใช่ข้าวของเครื่องใช้ของเสี่ยแป้ง เนื่องจากในส่วนลักษณะของการใช้งาน มองว่าเป็นสิ่งของที่ค่อนข้างเก่า และมีการทิ้งร้างไว้นานกว่า 1-2 เดือน รวมไปถึงจุดบริเวณดังกล่าว ในส่วนของข้อมูล และเบาะแสทางเจ้าหน้าที่ได้มาจากทางชาวบ้าน จึงทำให้คาดการณ์และสันนิษฐานได้ว่า สิ่งของส่วนหนึ่งอาจจะมาจากทางชาวบ้านในพื้นที่ที่เข้ามาหาของภายในบริเวณป่าในจุดดังกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น