ตรัง - “ร้านขนมไทย 5 บาท” ร้านขนมชื่อดังและขายถูกของเมืองตรัง เดือดร้อนอย่างหนักหลังราคาน้ำตาลปรับขึ้นต่อเนื่อง เจ้าของร้านเผยต้นทุนหลักในการทำขนมต่างปรับขึ้นราคาต่อเนื่อง รวมประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่รู้จะแบกรับได้อีกแค่ไหน
วันนี้ (17 พ.ย.) จากกรณีที่ราคาน้ำตาลทรายได้ปรับราคาสูงขึ้นอย่างน้อย กก.ละ 2 บาท ส่งผลทำให้ประชาชนต้องควักเงินมากขึ้นในการซื้อน้ำตาลทรายมาใช้ โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าขนมไทย หรือขนมหวานต่างๆ เนื่องจากน้ำตาลทรายเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำขนม ทำให้ต้นทุนพุ่งสูงขึ้น จนได้รับความเดือดร้อนอย่างมากนั้น
ทั้งนี้ ที่ร้านขนมไทย 5 บาท บริเวณแยกหน้าวัดนิคมประทีป (วัดโคกหล่อ) ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นร้านขนมไทยชื่อดังและขายถูกของเมืองตรัง โดยแต่ละวันต้องทำขนมไทยมาวางจำหน่ายวันละกว่า 10 ชนิด เช่น ขนมชั้น ขนมกวนหน้าขี้มัน (ขนมปักษ์ใต้หากินยาก โดยขี้มันทำจากการกวนน้ำมันมะพร้าว) ขนมเปียกปูน ขนมหม้อแกง ข้าวเหนียวสังขยา ขนมกวน มันม่วงกวน เผือกกวน ข้าวเหนียวแก้ว สังขยาฟักทอง สาคูไส้หมู และวุ้นหน้าต่างๆ เป็นต้น
โดยร้านแห่งนี้จะเปิดขายหน้าบ้าน และจะมีลูกค้าประจำเดินทางมาซื้อไม่ขาดสาย ใช้เวลาไม่นานก็จะหมด เนื่องจากเป็นขนมไทยที่เจ้าของร้านทำเอง เช่น หากเป็นประเภทที่ต้องใช้แป้ง จะใช้วิธีโม่แป้งเอง จะไม่ใช้แป้งสำเร็จรูป ทำให้ขนมเหนียวหนึบอร่อย และขายราคาถูกเพียงชิ้นละ 5 บาทเท่านั้น อีกทั้งยังขายราคานี้มายาวนานกว่า 10 ปีแล้ว และยังคงราคานี้ไว้ต่อไป ไม่ว่าต้นทุนการทำขนมไทยจะเพิ่มขึ้นอย่างไร ทั้งค่าไฟ ค่าก๊าซ ข้าวสาร ข้าวเหนียว ไข่ มีการปรับราคา และล่าสุดน้ำตาลทรายมีการปรับขึ้นอีก ทำให้ร้านขนมไทยชื่อดังแห่งนี้ได้รับผลกระทบอย่างมาก
นางนภาพร แซ่เลี้ยว เจ้าของร้านขนมไทย 5 บาท บอกว่า ตอนนี้น้ำตาลปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากซื้อขนาดกระสอบละ 40 กก. ตกราคา กก.ละ 24 บาท ต่อมาปรับเป็น กก.ละ 28 บาท จนล่าสุดน้ำตาลทรายมีการปรับขึ้นอีกเป็น กก.ละ 30 บาทแล้ว และไม่รู้จะสูงขึ้นไปอีกเท่าไหร่ ไม่เฉพาะน้ำตาลทรายเท่านั้น ตอนนี้ของทุกอย่างปรับราคาขึ้นทั้งหมดแล้ว ทั้งข้าวสาร ข้าวเหนียว หรือไข่ จากเดิมไข่เบอร์ 1 ราคาแผงละ 100 กว่าบาทต้นๆ ตอนนี้ปรับขึ้นเป็นแผงละ 140 บาท ส่วนถุงพลาสติกจากเดิมแพกละ 35 บาท เป็นแพกละ 40 บาท
ขณะที่ตนเองจะขายขนมไทยแค่ราคาชิ้นละ 5 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกมาก และขายในราคานี้มาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีแล้ว แต่มาถึงตอนนี้คงต้องมาลองนั่งคำนวณต้นทุนดูก่อนว่า จากนี้ไปจะมีข้าวของอะไรขึ้นราคาอีกหรือไม่ เพราะล่าสุดทยอยกันปรับขึ้นไปแล้วรวมประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าจะแบกรับต้นทุนไปได้อีกนานแค่ไหน แต่ขณะนี้ยังคงทนขายขนมไทยในราคานี้ไปก่อน
