xs
xsm
sm
md
lg

หนึ่งเดียวในโลก พลับพลึงธาร ราชินีแห่งสายน้ำ ชูช่อดอกบานสะพรั่งที่คุระบุรี ชี้ถ้าไม่ร่วมกันอนุรักษ์สูญพันธุ์แน่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พังงา - กลับมาบ้านสะพรั่งแล้วพลับพลึงธาร ราชินีแห่งสายน้ำ ชูช่อดอกบานสะพรั่งที่คุระบุรี มูลนิธิอีสต์ฟอรั่ม ร่วมกับกองทุนสิ่งแวดล้อม และเครือข่ายชวนร่วมกันอนุรักษ์ ชี้หากไม่ทำอะไรอีก 20 ปี สูญพันธุ์ แน่


ที่จุดชมพลับพลึงธารสวนตาเลื่อน บ้านบางซอย ม.7 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา มูลนิธิอีสต์ฟอรั่ม ร่วมกับกองทุนสิ่งแวดล้อม และเครือข่ายจัดกิจกรรมวันอนุรักษ์พลับพลึงธาร ประจำปี 2566 โดยมีนายวิชญุตม์ ทองแป้น นายอำเภอคุระบุรี เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยตาเลื่อน มีแสง ผู้แทนกองทุนสิ่งแวดล้อม ผู้แทนจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) พังงา ระนอง อุทยานแห่งชาติศรีพังงา ผู้นำท้องที่ ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้แทนหอการค้าจังหวัดพังงา องค์กรเครือข่าย คณะครูนักเรียน และชาวบ้านในพื้นที่และใกล้เคียงเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

โดยกิจกรรมภายในงานมีการมอบรางวัลการประกวดวาดภาพดอกพลับพลึงธาร กิจกรรมชื่นชมดอกพลับพลึงธารที่กำลังชูช่อดอกบานสะพรั่งในลำคลอง ร่วมกิจกรรมฐานการเรียนรู้การเพาะปลูกพลับพลึงธาร การหว่านเมล็ดพลับพลึงธาร การวาดภาพระบายสีบนกระเป๋าผ้า ร่วมชมนิทรรศการจากองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมชิมอาหารพื้นเมือง สินค้าโอทอป ดนตรีโฟล์คซอง และการเสวนาเรื่องการร่วมอนุรักษ์พลับพลึงธาร


นายวิชญุตม์ ทองแป้น นายอำเภอคุระบุรี ได้กล่าวเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวมาสัมผัสกับพลับพลึงธาร เจ้าของฉายา “ราชินีแห่งสายน้ำ” พืชประจำถิ่นที่มีแหล่งเดียวในโลกในจังหวัดพังงา และจังหวัดระนอง โดยเฉพาะในอำเภอคุระบุรี ในช่วงนี้ดอกพลับพลึงธารกำลังชูช่อบานสะพรั่งตามลำคลองต่างๆ ที่สามารถมาเที่ยวชมได้หลายจุด บอกได้ว่าอำเภอคุระบุรี นอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงามอย่างหมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์แล้ว ยังมีพลับพลึงธาร ราชินีแห่งสายน้ำหนึ่งเดียวในโลกอีกด้วย

สำหรับดอกพลับพลึงธาร ราชินีแห่งสายน้ำ ซึ่งขึ้นอยู่ทั่วไปในลำธารใสไหลเย็นเฉพาะในอำเภอกะเปอร์ สุขสำราญ จังหวัดระนอง และอำเภอคุระบุรี ตะกั่วป่า กะปง จังหวัดพังงา คนท้องถิ่นเรียก “หญ้าช้อง” “ช้องนางคลี่” “หอมน้ำ” ปี 2514 นักวิทยาศาสตร์เยอรมนี ชื่อ โจอาซิม ชูลซ์ เป็นผู้ตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ของพืชชนิดนี้ว่า Crinum thaiunum หลังจากเข้ามาสำรวจและเก็บตัวอย่างที่จังหวัดพังงา และตีพิมพ์เผยแพร่


ปัจจุบันนิยมเรียกว่าพลับพลึงธาร เนื่องจากมีดอกคล้ายพลับพลึงแต่ขึ้นอยู่ในน้ำ ความสวยงามของดอกพลับพลึงธารได้รับการเล่าขานจนเกิดกิจกรรมล่องแพแลพลับพลึงธารในคลองนาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง นำมาซึ่งความปีติยินดีของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนและสร้างรายได้แก่ท้องถิ่น แต่เพราะความงามของพลับพลึงธาร ทำให้มีการขุดหัวไปขายต่างประเทศ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รวมทั้งการขุดลอกคลองทำให้เกิดการกัดเซาะคลองแหล่งที่อยู่อาศัย รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ปริมาณพลับพลึงธารเหลือน้อยลง


จนกระทั่งปี พ.ศ.2554 สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) จัดสถานภาพพลับพลึงธารใกล้สูญพันธ์ (Endangered) ใน Thailand Red List (Plant) หากไม่ทำอะไรเลย พลับพลึงธารอาจสูญพันธุ์ภายใน 20 ปี ทางกองทุนสิ่งแวดล้อม สนับสนุนให้มูลนิธิอีสต์ ฟอรั่ม ร่วมกับองค์กรเครือข่ายได้กำหนดให้ทุกวันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปีเป็น “วันอนุรักษ์พลับพลึงธาร” ซึ่งได้ดำเนินโครงการฟื้นฟูพลับพลึงธาร ระหว่างปี 2560-ถึงปัจจุบัน


โดยเริ่มจากเผยแพร่สื่อรณรงค์สร้างความตระหนักและฝึกอบรมปลูกฝังจิตสำนึกให้แก่คนในท้องถิ่น การสำรวจและติดตามการเปลี่ยนแปลงของถิ่นที่อยู่อาศัยพลับพลึงธาร การปลูกฟื้นฟูและปรับปรุงระบบนิเวศของถิ่นที่อยู่อาศัยพลับพลึงธาร จนได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทำให้สามารถเพิ่มจำนวนประชากรพลับพลึงธาร และปรับปรุงระบบนิเวศแหล่งที่อยู่อาศัย ระหว่างปี 2560-ปัจจุบัน จำนวนประมาณ 50,000 ต้น มีอัตราการรอดในปี 2565 ประมาณ 60-90% 


นอกจากนี้ ยังได้ชุดความรู้การฟื้นฟูพลับพลึงธารในถิ่นที่อยู่อาศัยสภาพธรรมชาติอย่างเกิดผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรมวันนี้ ถึงแม้พลับพลึงธารจะยังไม่ฟื้นฟูจนมีความอุดมสมบูรณ์เท่าเดิม แต่การทำงานที่เข้มแข็งของเครือข่ายบวกกับชุดประสบการณ์ในการปลูกฟื้นฟู ทำให้เชื่อว่าพลับพลึงธารจะไม่สูญพันธุ์และวันหนึ่งข้างหน้าจะสามารถฟื้นฟูจำนวนประชากรให้พลับพลึงธารกลับมาเบ่งบานคลองเล็กคลองน้อยในระนอง และพังงาได้อีกครั้ง จึงอยากให้ทุกคนมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต


กำลังโหลดความคิดเห็น