โดย.. ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
หลังจากผ่านไปกว่า 15 ปีที่เริ่มก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อะควาเรียมหอยสังข์” ด้วยงบประมาณกว่า 1,400 ล้านบาท จนถึงวันนี้ โครงการดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ และไม่มีทีท่าว่าจะได้เปิดใช้เมื่อใด
“อะควาเรียมหอยสังข์” ตั้งอยู่ริมทะเลสาบสงขลา ในพื้นที่วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา ถูกออกแบบให้เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่น เป็นรูปหอยสังข์ขนาดใหญ่ มีวัตถุประสงค์ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ พันธุ์ไม้น้ำ และการเพาะขยายพันธุ์ที่มีความทันสมัย เป็นสถานที่ศึกษาวิจัย และจำลองระบบนิเวศทะเลสาบสงขลา
ความเป็นมาของโครงการนี้ เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2536 โดยมีการวางแผนสำรวจ จัดตั้ง “พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา” เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว จากนั้น พ.ศ.2546-2448 มีกระบวนการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง กระทั่งปี พ.ศ.2549 สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้นำผลจากโครงการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ทะเลสาบสงขลา มาปรับปรุงและจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม โดยเสนอเป็น “โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา” หรือ “อะควาเรียมหอยสังข์” เพื่อใช้ประโยชน์เพิ่มเติมด้านการศึกษา ค้นคว้า และทดลองเกี่ยวกับชีววิทยาทางทะเล พร้อมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
พ.ศ.2550 ครม.มีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2550 สอศ.ได้รับจัดสรรงบประมาณ วงเงิน 838,562 บาท รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการ แต่หลังก่อสร้างได้ไม่นาน ในปี พ.ศ.2551 เกิดข้อถกเถียงด้านงานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม ทำให้โครงการต้องหยุดการก่อสร้างชั่วคราว ทำให้ในปี พ.ศ.2552 กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงปัญหาการก่อสร้าง
ในปี พ.ศ.2558-2560 ได้เพิ่มงบประมาณ เพื่อก่อสร้างอาคารอนุบาลสัตว์น้ำ และพื้นที่โดยรอบ วงเงิน 381,525,000 บาท พ.ศ.2561 ของบประมาณเพิ่มเพื่อก่อสร้างให้แล้วเสร็จ 286,259,000 บาท รวมงบประมาณการก่อสร้างกว่า 1,400 ล้านบาท
หลังจากเกิดปัญหาการก่อสร้างที่ไม่แล้วเสร็จ ทำให้เรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 27 กันยายน สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 ได้เผยแพร่เอกสารระบุถึงเรื่องนี้ว่า นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ภาค 9 ได้รับแจ้งประสานจากเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกลาง ว่า ขณะนี้มีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหาแล้วรวมทั้งสิ้น 27 ราย และปัจจุบันอยู่ในระหว่างรับฟังคำชี้แจงข้อกล่าวหา
และเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม นายพัฒนพงศ์ ได้กล่าวถึงเรื่องนี้อีกครั้งว่า "คาดว่าภายในเดือนธันวาคมนี้ จะมีข้อสรุปว่าจะชี้มูลความผิดผู้ใดหรือไม่ มีผู้ที่กระทำความผิดหรือไม่ หากพบว่ามีการชี้มูลผู้กระทำความผิด จะส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องคดีต่อไป"
หมายความว่า ภายในสิ้นปีนี้เราจะได้เห็นความคืบหน้าไปอีกขั้นว่า ใน 27 คนที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา หรือ “อะควาเรียมหอยสังข์” นั้น มีผู้ถูกชี้มูลความผิดกี่คน และเป็นการชี้มูลความผิดในด้านใด
ในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลว่ามีความผิดทางวินัย พนักงานไต่สวนผู้รับผิดชอบจะต้องส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนของผู้ถูกกล่าวหาดำเนินการทางวินัยตามกฎหมาย กฎ ข้อบังคับหรือระเบียบที่ใช้บังคับกับผู้ถูกกล่าวหานั้น แต่หากคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดทางอาญา พนักงานไต่สวนผู้รับผิดชอบจะส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการต่อไป
ในส่วนของการก่อสร้างโครงการที่ลุ้นกันว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใดนั้น จนถึงบัดนี้ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่คนสงขลายังไม่หมดหวัง ยังคงมีความเคลื่อนไหวออกมาเป็นระยะ เช่น เมื่อปีที่แล้ว นายปรีชา สุขเกษม ตัวแทนเครือข่ายพลเมืองสงขลา ได้ออกมาเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการชี้แจงให้ประชาชนรับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น หลังการเรียกร้อง นายสุเทพ แก่งสันเทียะ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ในขณะนั้น ในฐานะที่รับผิดชอบโครงการได้นำคณะลงพื้นที่เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับปัญหาและทางออกของโครงการก่อสร้างอะควาเรียมหอยสังข์ ต่อหน้าเครือข่ายพลเมืองสงขลา ส.ส.สงขลา ทั้ง 8 เขต และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกพรรค ทุกเขต ที่ศาลากลางจังหวัดสงขลา
ในการพบปะพูดคุยระหว่างคณะผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และประชาคมชาวสงขลา นายสุเทพมีข้อเสนอ 6 ข้อ เพื่อเป็นแนวทางให้พิจารณา ได้แก่
1.ให้ดำเนินการสร้างอะควาเรียมเหมือนเดิม
2.สร้างอะควาเรียม แต่บูรณาการเทคโนโลยีเสมือนจริงเข้าไปด้วย
3.จัดทำเป็นศูนย์ศึกษาพันธุ์พืช และป่าชายเลน
4.จัดทำเป็นศูนย์อบรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
5.โอนให้จังหวัดดำเนินการ เพื่อจัดแสดงสินค้า แสดงศิลปวัฒนธรรมภาคใต้
และ 6.จัดทำเป็นศูนย์แสดงสินค้า และการท่องเที่ยวทางน้ำ โดยสร้างท่าเรือ
ข้อเสนอทั้ง 6 ข้อดังกล่าว เลขาธิการ กอศ.จะนำกลับไปศึกษาข้อดี ข้อเสียให้รอบด้าน โดยเตรียมจัดตั้งคณะทำงานที่มีนายรอยล จิตรดอน เป็นประธานพิจารณา ก่อนเสนอ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น ตัดสินใจอีกครั้งว่าจะใช้แนวทางไหนเพื่อเดินหน้าต่อไป เพราะแต่ละแนวทางอาจต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม และถ้าต้องเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ของอาคารจะต้องเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ขณะที่ประชาคมชาวสงขลา มองว่าการตรวจสอบทุจริตที่ดำเนินการมาต้องดำเนินการต่อไป ส่วนคำชี้แจงของเลขาธิการ กอศ.ยังไม่ชัดเจนในเรื่องของไทม์ไลน์ และระยะเวลาในการนำทางเลือกเข้าสู่ที่ประชุม ครม.
ด้านนายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น ระบุว่า ได้รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรับทราบปัญหาในภาพรวมแล้ว ดูแนวโน้มแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการต้องการให้ดำเนินการตามแนวทางที่ 5 และ 6 โดยแนวทางที่ 5 ให้จัดทำเป็นศูนย์แสดงสินค้าท้องถิ่น ซึ่งต้องดูความเหมาะสมรอบด้าน หรือหากเลือกแนวทางที่ 6 คือให้จังหวัดดูแล จัดทำเป็นศูนย์แสดงสินค้า และการท่องเที่ยวทางเรือ โดยจะต้องดูผลกระทบต่อพื้นที่การศึกษา จะต้องออกแบบให้ดี เพราะอาจมีคนเข้ามาท่องเที่ยว รวมถึงดูในเรื่องประโยชน์ที่จะเกิดกับการศึกษาด้วย ไม่ใช่ให้จังหวัดดูแลขาด
ทั้งนี้ หากเลือกแนวทางที่ 3-6 ถือเป็นแนวทางที่ลงทุนน้อยที่สุด แต่ผิดวัตถุประสงค์
“หากกลับไปเลือกสร้างอะควาเรียมหอยสังข์ตามเจตนารมณ์เดิมไม่จำเป็นต้องเสนอ ครม.และเดินหน้าออกแบบเพิ่มเติมได้เลย เพียงแต่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มอีกจำนวนมาก เบื้องต้นน่าจะต้องใช้งบเพิ่ม 800-1,200 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างอาคาร โรงพยาบาลสัตว์น้ำ ทั้งน้ำจืด และน้ำเค็ม ซึ่งยังไม่รวมงบจ้างเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก”
ล่าสุด เมื่อวันที่ 21 กันยายน นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ ชี้แจงเรื่องนี้ในการตอบกระทู้ถามของนายสรรเพชญ บุญญามณี ส.ส.สงขลา เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ถามในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า กระทรวงศึกษาธิการมีแนวทางหรือแผนการดำเนินงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามวัตถุประสงค์ของโครงการหรือไม่
นายสุรศักดิ์ ชี้แจงว่า กระทรวงศึกษาธิการยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพราะขณะนี้คดียังอยู่ในชั้นของ ป.ป.ช. และยังไม่ได้มีข้อสรุปออกมา ต้องรอการตรวจสอบของ ป.ป.ช. หากดำเนินการอะไรไปก่อนจะเกิดข้อผิดพลาดทางกฎหมายได้
จากคำชี้แจงดังกล่าว ทำให้คาดการณ์ได้ 2 ทาง หากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดได้ภายในเดือนธันวาคมนี้ตามที่ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. ภาค 9 ระบุ คือ 1.หาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัย โดยไม่ได้มีการชี้มูลความผิดทางอาญา คาดว่ากระทรวงศึกษาน่าจะนำไปดำเนินการต่อได้ แต่คงไม่เร็วมากนัก หรือ 2.คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญามาด้วย เรื่องนี้อาจจะยาวออกไปอีก เพราะกระทรวงศึกษาธิการคงจะรอการดำเนินคดีในส่วนนี้ด้วย ซึ่งคงจะใช้เวลาอีกสักระยะ
ดังนั้น ไม่ว่าผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะออกมารูปแบบใด ความหวังที่จะให้มีการเปิดใช้ “อะควาเรียมหอยสังข์” จ.สงขลา ยังอาจเป็นเพียงความหวังต่อไป เพราะแค่การดำเนินคดีใช้เวลา ยังไม่นับรวมว่า กระทรวงศึกษาธิการจะเดินหน้าต่ออย่างไร เมื่อการพิจารณาคดียังไม่สิ้นสุด “อะควาเรียมหอยสังข์” ยังคงจะมีสภาพเป็นดั่ง “สุสานหอยสังข์” เหมือนที่คนสงขลาหลายคนเรียกขานต่อไปอีกนาน