นครศรีธรรมราช - เจาะแผน “เสี่ยแป้ง นาโหนด” หนี รพ.มหาราชสุดล้ำ พบอาจกินยาลดความดันเป็นลมตบตาแพทย์ พิรุธเพียบ รมว.ยุติธรรมตรวจที่เกิดเหตุ เรือนจำล้อมคอกเพิ่มขนาดโซ่นักโทษให้ใหญ่ขึ้น
ภายหลังจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เดินทางเข้าประชุมติดตามสถานการณ์ที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชเรียบร้อยแล้ว จึงได้เดินทางต่อมาที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เพื่อเข้าร่วมประชุมติดตามข้อมูลจากบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด
ในการติดตามข้อมูลวันนี้ มีข้อมูลสำคัญจากบุคลากรทางการแพทย์ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 18 ต.ค. ได้มีการแจ้งเลื่อนนัดไปยังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชแล้ว และนัดใหม่อีกครั้งคือวันนี้ แต่กลับพบว่ายังมีการนำนักโทษชายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง เข้ามาพบแพทย์อีกที่ห้องทันตกรรม เพื่อรักษาอาการครอบฟันแตก เจ้าหน้าที่เวรขณะนั้นจึงรับดำเนินการ แต่ขณะที่นำตัวออกไปจากห้องทันตกรรม นายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง ได้เป็นลม เจ้าหน้าที่จึงนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน พบความดันต่ำมาก จึงเข้าสู่กระบวนการช่วยชีวิต จากนั้นจึงเคลื่อนย้ายต่อไปหอผู้ป่วยอายุรกรรม 6 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในตอนกลางวันของวันที่ 20 ต.ค. และในคืนเดียวกัน เสี่ยแป้งได้พยายามหลบหนีครั้งแรก แต่ไม่สำเร็จ
แหล่งข้อมูลทางการแพทย์ได้ทบทวนกระบวนการทั้งหมด พบว่าสาเหตุที่ความดันของนายเชาวลิต ตกอย่างมากในขณะเกิดการเป็นลม อาจเป็นไปได้ว่านายเชาวลิต กินยาลดความดันในขณะที่มาถึงโรงพยาบาล และกินเกินขนาด หรือที่เรียกว่าโอเวอร์โดส ทำให้ความดันตกอย่างรุนแรงเกิดอาการเป็นลม และเมื่อแพทย์ตรวจวัดความดัน เป็นสาเหตุที่พบว่าความดันต่ำอย่างผิดปกติจริง จึงให้มีการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล และเข้าสู่แผนการหลบหนีของนายเชาวลิตในที่สุด
ด้านพยาบาลวิชาชีพภายในหอผู้ป่วยอายุรกรรม 6 ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขณะที่นายเชาวลิตรักษาตัว ผู้คุมจะไม่ได้อยู่ข้างเตียงตลอดเวลา จะทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ไว้ให้เจ้าหน้าที่พยาบาล หากมีการให้การหัตถการ หรือกิจกรรมที่จะต้องเกี่ยวข้องกับนักโทษ พยาบาลจะโทร.หาผู้คุมทุกครั้ง และจะเข้ามาไขกุญแจให้ขณะเข้าห้องน้ำเป็นช่วงเวลา อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสอบที่เกิดเหตุได้มีแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาลที่เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุมาร่วมให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอย่างละเอียดด้วย
ขณะที่ พ.ต.อ.นัษฐวุฒิ ทองทิพย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้รวบรวมข้อมูล และเตรียมให้พนักงานสอบสวนเชิญตัวบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ปากคำอย่างละเอียดเพื่อเชื่อมโยง รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลการออกมารักษาตัวของนักโทษชายเชาวลิต เคยออกมาแล้วเมื่อ 2 เดือนก่อน
พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้เชิญตัวนายกองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งหนึ่งใน จ.สตูล เข้าให้ปากคำ หลังจากพบว่านายเชาวลิต เสี่ยแป้ง และนายธีรวุฒิ หรือปอย ได้เข้าไปพักในรีสอร์ตของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลรายนี้ เจ้าตัวได้ยอมรับว่าทั้งคู่ได้ไปพักในรีสอร์ตจริง แต่ไม่รู้ว่าหลบหนีจากเรือนจำ จนกระทั่ง 2 วันผ่านไป เมื่อเห็นข่าวจึงรู้ว่าทั้งคู่หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ จึงได้ขอออกจากรีสอร์ต หลังจากนั้นไม่ได้ติดต่ออีกเลย ที่ได้นำรถของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลรายนี้มาเก็บหลักฐานตัวอย่างดีเอ็นเอภายในรถทั้งหมด รวมทั้งกำลังหารือข้อกฎหมาย และพฤติการณ์ในคดีว่าจะสามารถนำไปสู่การออกหมายจับได้หรือไม่ เข้าข่ายช่วยเหลือให้ที่พักพิงแก่ผู้ต้องหาหรือไม่
ขณะเดียวกัน ทางโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ได้เร่งจัดเตรียมห้องราชทัณฑ์ปันสุข เพื่อเป็นพื้นที่ควบคุมนักโทษในระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาล รวมทั้งที่พักของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เพื่อสะดวกในการควบคุม และยังพบอีกว่าขณะนี้เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชได้เพิ่มมาตรการความเข้มงวด โดยการเพิ่มขนาดโซ่ตรวนควบคุมนักโทษให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้เปิดเผยว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ทำให้ผู้ต้องขังคนสำคัญหลบหนี ให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่กรมราชทัณฑ์ตั้งขึ้นสอบให้แล้วเสร็จภายใน 5 วัน เพราะนอกจากกรมราชทัณฑ์แล้ว ยังมีกรมสอบสวนคดีพิเศษมาร่วมด้วย ตำรวจทุกจังหวัดมาช่วยด้วย โดยทาง ผบ.ตร.ได้สั่งการไปแล้ว ส่วนกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม จะให้ข้อมูลสนับสนุน ตราบใดที่ยังไม่ได้ตัวคนร้าย ไม่สามารถเปิดเผยได้ สำหรับระเบียบของกรมราชทัณฑ์ในการจ้างคนนอกไปเฝ้าไข้นั้น ไม่มีระเบียบการจ้างคนอื่นมาเฝ้าไข้ และขณะประชุมได้นำตัวผู้คุมที่อยู่ในเหตุการณ์คนนั้นมาซักถาม ซึ่งต้องให้ทางตำรวจดำเนินการต่อไป
“การหลบหนีของเสี่ยแป้งในครั้งนี้ ทราบว่ามีหมายสำคัญที่เป็นแรงจูงใจ ซึ่งต้องดูในรายละเอียดเบื้องหลังด้วย ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ด้วย และขอให้ทำอย่างตรงไปตรงมา อย่าไปช่วยเหลือกัน ซึ่งทุกคนทำเต็มที่ ส่วนคนร้ายนั้นไม่ใช่เป็นคนดี ทำความผิดมาเยอะ เขาต้องรู้ว่าตำรวจคิดอย่างไรกับเขา แล้วเขาจะหนีอย่างไร ขอให้ทางเจ้าหน้าที่ทำงานให้รอบคอบ มีความละเอียด เพราะฉะนั้นขอให้เวลาเจ้าหน้าที่ในการทำงานในคดีนี้ด้วย” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง นาโหนด มีพฤติกรรมค่อนข้างจะข่มขู่ผู้อื่น โดยเฉพาะผู้คุม และเจ้าหน้าที่ในเรือนจำ ซึ่งขณะถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดพัทลุงนั้น ได้ข่มขู่ผู้คุม และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ทำตัวให้รู้ว่าตัวเองเป็นคนกว้างขวาง มีอิทธิพล ใกล้ชิดกับนักการเมืองระดับชาติ มีครั้งหนึ่งเคยพูดกับผู้คุมคนหนึ่งว่า “ภรรยาขายผลไม้อยู่ใช่ไหม” ซึ่งเป็นการแสดงออกเชิงข่มขู่ว่า ถ้าดูแลไม่ดีจะส่งคนไปคุกคามภรรยาของผู้คุมคนนั้น
ต่อมา ทาง ผบ.เรือนจำพัทลุงทราบ เห็นว่าพฤติกรรมของนักโทษชายรายนี้ไม่มีความปลอดภัย เนื่องจากเรือนจำพัทลุงเป็นเรือนจำไม่มีแดนความมั่นคงสูง จึงส่งตัวมาควบคุมอยู่ที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 ซึ่งในขณะจองจำที่อยู่ในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เสี่ยแป้งมักจะนั่งรถเข็น และทำทีเหมือนเป็นไข้ เดินไม่ได้ อาจจะเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่เรือนจำคิดว่าเสี่ยแป้งไม่สบายอยู่ตลอดเวลาจริง จึงไม่ได้ระมัดระวังมากเป็นพิเศษ