xs
xsm
sm
md
lg

พบพิรุธเปลี่ยนโซ่ตอนกลางวัน คาด 2 ผู้คุมถูกวางยาให้เป็นแพะคดี "เสี่ยแป้ง" หนี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครศรีธรรมราช - เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 2 คนผู้รับหน้าที่เฝ้า “เสี่ยแป้ง” ส่อถูกวางยาเป็นเหยื่อให้รับบาป เผยพิรุธเปลี่ยนโซ่กลางวัน ตกกลางคืนเกิดเหตุหลัง 2 ผู้คุมมารับเวรเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง ผบช.ภ.8 เดินทางลงพื้นที่ติดตามคดี
ความคืบหน้าในการติดตามไขคดีการหลบหนีของนายเชาวลิต ทองด้วง หรือเสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ที่ถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และได้หลบหนีในขณะที่ถูกรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่สืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 8 กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช และสืบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้เร่งติดตามไขคดีอย่างต่อเนื่อง 
ขณะที่ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้เดินทางไป บก.ภ.พัทลุง เข้าประสานงานกับ พล.ต.ต.กิตติสัณห์ เดชสุนทรวัฒน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรพัทลุง เพื่อเข้าประสานการติดตามตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย คือ นายเชาวลิต และผู้ช่วยเหลืออีก 3 คน ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดพัทลุง ขณะที่ผู้บังคับการพัทลุงยืนยันว่านายเชาวลิต คือผู้มีอิทธิพลที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีอยู่แล้ว และขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดตามตัวบ้านของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งแหล่งอาศัยหลบไปพักพิงจุดไหนเจ้าหน้าที่ต้องเร่งรัดติดตามเนื่องจากเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก 
ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พล.ต.ท.สุรพงศ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้เดินทางมาติดตามคดีด้วยตัวเอง โดยมี พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช มารายงานคดี และได้เรียกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่เกี่ยวข้องเข้ารายการสืบสวน ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.มนตรี วรรณคง พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีอยู่ระหว่างการยื่นสำนวนต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อขอหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ส่วนจะไปถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยหรือไม่นั้นจะต้องนำตัวผู้ที่ออกหมายจับเข้ามาสอบสวนโดยละเอียดก่อน 
และในเวลาเดียวกัน นายเฉลิมพงศ์ ฤทธิ์รงค์ มีภูมิลำเนาจังหวัดพัทลุง ได้เดินทางเข้าพบกับ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ หลังจากมีสื่อบางสำนักได้นำชื่อพร้อมภาพถ่ายไปเผยแพร่ว่า เป็นบุคคลที่นำนายเชาวลิต หลบหนี ซึ่งได้มายืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ยอมรับว่ารู้จักกันเท่านั้นพร้อมกันนั้น ได้นำครอบครัวและพยานที่ยืนยันที่อยู่กับเจ้าหน้าที่ ซึ่ง พล.ต.ต.สมชาย ยืนยันว่านายเฉลิมพงศ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยหลังจากนั้นได้ลงบันทึกประจำวันเพื่อแสดงตัวและได้ร้องขอให้สื่อที่นำชื่อและภาพของตนเองไปเผยแพร่ช่วยแก้ไขให้ถูกต้องด้วย 
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องทางคดีรายหนึ่งระบุว่า ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ ได้สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยคณะกรรมการจากกรมราชทัณฑ์ จะเข้าทำการสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด นับแต่การตั้งเรื่องนำตัวนายเชาวลิต ออกนอกเรือนจำ ได้ตั้งข้อสังเกตและชี้ประเด็นสำคัญว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หรือที่เรียกว่า “ผู้คุม” 2 คนที่มีหน้าที่ระหว่างเกิดเหตุอาจเป็นแพะรับบาปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เสมือนว่าถูกรับผิดชอบเต็มๆ แท้ที่จริงแล้วมีความซับซ้อนมากกว่าที่เห็นทั้ง 2 คนมารับเวรได้เพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง นายเชาวลิต ได้ก่อเหตุหลบหนี 
ข้อสังเกตคือผู้รับหน้าที่ดูแลนายเชาวลิต มีอยู่ด้วยกัน 3 คน โดยหนึ่งในนั้นได้แจ้งให้อีก 2 คนว่า ไม่ต้องมาเข้าเวรในช่วงกลางวัน แต่ให้มารับเวรช่วงหลังเที่ยงคืน และในช่วงกลางวัน น.ส.วิลาวัลย์ หรือไหม ผู้รับจ้างเฝ้าไข้นายเชาวลิต ยืนยันว่ามีการเปลี่ยนโซ่ข้อเท้าให้นายเชาวลิต หลังจากคืนก่อนหน้านายเชาวลิต ได้พยายามตัดโซ่แล้วแต่ไม่สำเร็จ เจ้าหน้าที่ได้มาเปลี่ยนให้กลางวัน

ประเด็นอยู่ที่ว่ามีการเปลี่ยนโซ่ด้วยสาเหตุใดเพื่อเอื้อให้มีการไขหลบหนีไปได้โดยง่ายหรือไม่ เป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์จะต้องสอบละเอียด เกลือเป็นหนอนหรือไม่ ผู้คุม 2 คนในช่วงเกิดเหตุเป็นแพะรับบาปหรือไม่ เชื่อว่าสอบลึกๆ แล้วจะเจอปมบางอย่าง

นอกจากนั้น กรรมการสอบข้อเท็จจริงของราชทัณฑ์จะต้องสอบแพทย์ และผู้เกี่ยวข้องที่ รพ.มหาราช เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ว่าในวันที่ 20 เจ้าหน้าที่ได้โทรศัพท์แจ้งเลื่อนนัดไปยังเรือนจำแล้วใช่หรือไม่ และเมื่อแจ้งเลื่อนนัดแล้วเหตุใดจึงยังพาตัวนายเชาวลิต ออกมาได้อีก ใครเป็นผู้สั่งการให้นำออกมา ใครเป็นผู้ควบคุม และก่อนหน้านั้น นายเชาวลิต ถูกนำออกมากี่ครั้งแล้ว มีความพยายามเช่นนี้แล้วใช่หรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้น่าจะนำไปสู่การไขปมเงื่อนงำความสะดวกในการหลบหนี


กำลังโหลดความคิดเห็น