สตูล - ครอบครัวนักศึกษาฝึกงานในอิสราเอลสวมกอดการเดินทางกลับถึงบ้านเกิดอย่างปลอดภัย พร้อมลั่นไม่ให้กลับไปแล้วหลังสงครามยืดเยื้อ ขณะที่กระทรวง พม.สตูล เข้าเยี่ยมให้กำลังใจทันที
ทันทีที่ นายอับดุลเลาะห์ มานะบุตร อายุ 19 ปี นักศึกษาฝึกงานในประเทศอิสราเอล เดินทางกลับถึงบ้านเกิดที่ ต.ฉลุง อ.เมือง จ.สตูล ได้อย่างปลอดภัย สร้างความปลาบปลื้มปีติยินดีกับทุกคนในครอบครัวที่เฝ้ารอ ต่างโผเข้าสวมกอดด้วยความดีใจ หลังเกิดเหตุโจมตีในประเทศอิสราเอล ซึ่งเมืองอีดานเป็นเมืองที่ นายอับดุลเลาะห์อาศัยอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 100 กิโลเมตร
จากเหตุการ์สงครามในครั้งนี้ ทางพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสตูล นำทีมวันโฮม ของกระทรวง พม. โดย นายแก้วกฤษกร โภคะนาคินธร์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสตูล พร้อม นายก อบต.ฉลุง ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำหลายฝ่ายต่างมาให้กำลังใจ เยี่ยมเยียนสอบถาม และยื่นมือเข้าช่วยเหลือหากมีความต้องการ พร้อมมอบเงินสงเคราะห์ให้ครอบครัว พร้อมรับฟังปัญหาขณะที่อาศัยอยู่ที่ดังกล่าว
โดย นายอับดุลเลาะห์ เล่าว่า ได้เดินทางไปอยู่ที่เมืองอีดาน ประเทศอิสราเอล ร่วม 3 เดือน เพื่อฝึกงานตามที่มหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส ส่งตัวไปตามโครงการสหกิจศึกษาด้านเทคโนโลยีการเกษตรประเทศอิสราเอล ระยะเวลากำหนดคือ 10 เดือน โดยมีเพื่อนเดินทางไปร่วมฝึกงานในครั้งนี้ด้วย 30 คน โดยแต่ละคนจะกระจายกันตามฟาร์มต่างๆ แห่งละ 2 คน ซึ่งในหนึ่งสัปดาห์จะมีเวลาเรียน 1 วัน ที่เหลือคือภาคปฏิบัติอยู่ในฟาร์มเกษตร เก็บผลผลิตทางการเกษตร เช่น เมล่อน พริกหยวก พริกหวาน อยู่ในฟาร์มวันละ 8 ชม. โดยได้ค่าจ้างวันละ 2,000 บาท โดยการฝึกงานในครั้งนี้มีเพื่อนจากภาคอีสานของไทยมาร่วมฝึกด้วยเช่นกัน
นายอับดุลเลาะห์ เล่าต่อว่า หลังเกิดสงครามที่ดูจะยืดเยื้อ เกือบทุกวันจะเห็นเครืองบินผ่านไปมา และเสียงระเบิดได้ยินดังสนั่นมาถึงตนที่อยู่อาศัย และไม่รู้ว่าเหตุการณ์จะลามมาถึงที่ตนอาศัยหรือไม่ การกลับมาในครั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาสเป็นคนประสานให้นักศึกษาฝึกงานกลับทันทีทุกคน ไม่มีใครบาดเจ็บ อาจจะเสียขวัญบ้างแต่ปลอดภัยดี และคิดว่าจะไม่กลับไปที่อิสราเอลอีกแล้ว แต่จะนำความรู้ด้านการเกษตรมาปลูกเมล่อนเองที่บ้าน
ด้าน นางไซหนับ มานะบุตร แม่ของนายอับดุลเลาะห์ เล่าว่า คัดค้านโดยตลอดไม่อยากให้ลูกไปฝึกงานที่ประเทศอิสราเอล เพราะเป็นห่วงทราบข่าวตลอดว่ามีเหตุการณ์สงครามบ่อยครั้ง แต่ห้ามลูกไม่ได้เพราะทางโรงเรียนบังคับให้ไปและลูกก็อยากไป เพราะอยากหาเงินมาช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว ทันทีที่มีสงครามเกิดขึ้นติดต่อกับลูกตลอด บอกให้รีบกลับมาบ้านเพราะดูแล้วเหตุการณ์จะยืดเยื้อ และคิดว่าคงไม่ให้กลับไปอีก ตอนนี้ยังมีบุตรสาวอีกคนเรียนอยู่ที่อียิปต์ แต่โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์สงครามเหมือนอิสราเอล