ปัตตานี - 7 องค์กรไทยพุทธ จชต. รวมตัวถือป้ายหน้าค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ยื่นหนังสือถึงแม่ทัพน้อยที่ 4 ส่งถึงนายกรัฐมนตรี คัดค้านการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หวั่นไม่ปลอดภัย
วันนี้ (12 ต.ค.) เครือข่ายไทยพุทธถือป้ายร่วมชุมนุมหน้าค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ผ่าน พล.ท.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ แม่ทัพน้อยที่ 4 ขอให้คงไว้การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และชะลอการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะเป็นห่วงสถานการณ์ในพื้นที่ที่ยังมีการก่อเหตุความไม่สงบเกิดขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง ผู้บริสุทธิ์ยังตกเป็นเหยื่อความรุนแรง ซึ่งก่อนจะอนุมัติอยากให้มาฟังเสียงของผู้สูญเสียบ้าง ซึ่งการชุุมนุมในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
โดยมี 7 องค์กร ประกอบด้วย 1.ผู้แทนประชาชนชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมชายแดนใต้ผู้รักชาติ 2.อดีตข้าราชการตำรวจร่วมกับเครือข่ายไทยพุทธในพื้นที่จังหวัดจังหวัดชายแดนภาคใต้.3.เครือข่ายไทยพุทธบ้านสันติ 1-2 4.เครือข่ายไทยพุทธบ้านจุฬาภรณ์ 7 5.กลุ่มเครือข่ายไทยพุทธตำบลหน้าถ้ำ 6.กลุ่มชาวไทยพุทธคนรักในหลวงจังหวัดยะลา และ 7.กลุ่มสมาพันธ์ชาวไทยพุทธจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งได้รวมตัวกันจำนวนเกือบ 200 คน เดินขบวนเรียกร้องมาจากวัดสุวรรณากร มาหน้าค่ายอิงคยุทธบริหาร ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร พร้อมด้วยการถือป้ายข้อความไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พร้อมกับโบกธงชาติแสดงจุดยืนและเรียกร้องความปลอดภัยแก่ประชาชนทุกเชื้อชาติในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และขอให้มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินต่อไป เพราะชาวไทยพุทธ 90 เปอร์เซ็นต์ ไม่เห็นด้วย ซึ่งกลุ่มที่มาวันนี้มีชาวมุสลิมร่วมด้วย
โดยหนังสือดังกล่าวได้ข้อสรุปพอสังเขปดังนี้ พี่น้องไทยพุทธไม่น้อยกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ไม่เห็นด้วยต่อการยกเลิกพระราชบัญญัติการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฉบับนี้ ในขณะเดียวกัน พี่น้องมุสลิมบางส่วนก็ไม่เห็นด้วยต่อการยกเลิกด้วยเช่นกัน โดยให้เหตุผลในภาพรวมว่า ไม่มีอะไรรับประกันว่าการยกเลิก พ.ร.ก.ฉบับนี้จะทำให้ผู้บริสุทธิ์มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากขึ้น
สมาพันธ์ไทยพุทธจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงขอความกรุณาต่อรัฐบาลให้มีการพิจารณาทบทวนและชะลอการยกเลิก พ.ร.ก.ฉบับนี้ออกไปก่อน จนกว่าจะมีการพิจารณารับฟังผลกระทบข้อดี ข้อเสียจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านแม่ทัพภาคที่ 4 จะได้โปรดพิจารณาและนำเสนอต่อรัฐบาลต่อไป
ด้าน พล.ท.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ แม่ทัพน้อยที่ 4 กล่าวว่า ถ้าเราดูจากคำประกาศของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ยังไม่มีประเด็นไหนเลยที่บอกว่าจะมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีเพียงการแสดงออกทางความคิดของบางกลุ่มเท่านั้น กอ.รมน.ในฐะนะเป็นหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ เราตระหนักถึงความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ เราได้ประชุมหารือกันหลายครั้ง สุดท้ายมีการเสนอต่อคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีการสรุปออกมาชัดเจนว่า ในเรื่องการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่นั้นยังคงมีความจำเป็นอยู่ เมื่อวานนี้ได้มีการยกเลิกไปบางอำเภอ ซึ่งประเมินแล้วเป็นพื้นที่ที่มีสถานการณ์น้อย คือ อำเภอกรงปีนัง จ.ยะลา อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี และ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ทั้งนี้ คณะกรรมการยังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพิ่มเติมมาให้ คือ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นอำเภอที่เคยประกาศยกเลิกไปก่อนหน้านี้แล้ว
นางนภศร ศิริมังคะโล ประธานกลุ่มประชาชนไทยพุทธมุสลิมชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า เราไม่ได้ตั้งจะให้มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิงทั้งหมด แต่อยากให้มีไว้ในบางพื้นที่ที่เป็นสีแดง ในขณะที่คนในเมืองอาจจะเจอเหตุการณ์น้อย แต่คนที่อยู่ชานเมืองเจอเหตุการณ์บ่อย ยังคงอยู่ด้วยความหวาดกลัว จะเข้าออกบ้านก็ลำบาก ในกรณีเกิดเจอเหตุการณ์ถ้าไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เขาจะเรียกใคร ใครจะมาได้ทันท่วงที เจอผู้ต้องสงสัยในหมู่บ้านเขาจะบอกเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบได้ไหม ซึ่งบางพื้นที่ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องมี
นางนภศร เผยอีกว่า สำหรับการออกมาครั้งนี้ตนไม่กังวล คนเราเกิดมาชาติเดียวตายชาติเดียว ถ้าเรามีกำลังพอที่จะช่วยชาวบ้านทำไมไม่เริ่มทำตั้งแต่วันนี้ ทำไมต้องรอให้เรื่องมาถึงก่อน ซึ่งวันนี้ออกมาเพียงให้หน่วยงานรับทราบ ควรฟังเสียงสะท้อนของชาวบ้าน หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบ อย่างฟังเพียงแค่รายงาน เพราะมันยังมีเสียงสะท้องของคนไม่ต้องการให้มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกด้วย ถ้าเราไม่ออกมาแบบนี้มีโอกาสเกมจะพลิก
นางนภศร เผยทิ้งท้ายว่า ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบ พวกเรายังต้องระวังกันอยู่ ถ้าพูดภาษาชาวบ้าน เรายังไม่ชินอีกหรือ เราต้องอยู่แบบนี้ต่อไป ภาตใต้ดีกว่าถ้าไปเห็นสถานการณ์ที่อิสราเอลกับฮามาสรุนแรงกว่านี้อีก บ้านเราดีกว่ามาก