ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ราคาผักในจังหวัดต่างๆ ของภาคใต้ เริ่มพาเหรดขึ้นราคาหลากหลายชนิดต้อนรับเทศกาลกินเจที่จะเริ่มในวันที่ 15-23 ตุลาคมนี้ และยังมีแนวโน้มราคาสูงขึ้นต่อเนื่องไปตลอดเทศกาลกินเจ โดยเฉลี่ยนปรับสูงขึ้น 20-50 บาท
วันนี้ (11 ต.ค.) ที่ จ.สงขลา ยิ่งใกล้เข้าสู่เทศกาลกินเจในปีนี้ซึ่งตรงกับวันที่ 15-23 ตุลาคมนี้ ราคาผักเริ่มทยอยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องรับเทศกาลกินเจ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบราคาผักตามท้องตลอดในเมืองสางขลา เช่น ที่ตลาดสดทรัพย์สินพลาซ่าสงขลา เริ่มมีการปรับราคาสูงขึ้น ที่แพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือ ผักชี ผักขึ้นฉ่าย และผักกาดหอม โดยผักชีจากกิโลกรัมละ 150 บาท สูงขึ้นเป็น 200 บาท ผักขึ้นฉ่าย จากกิโลละ 80 บาท สูงขึ้นเป็น 120 บาท และผักกาดหอมจากกิโลละ 60 สูงขึ้นเป็น 80 บาท ส่วนผักชนิดอื่นๆ พาเหรดกันขึ้นราคาเช่นเดียวกันเกือบทุกชนิด
นางประภา จินดา แม่ค้าขายผัก อายุ 43 ปี เปิดเผยว่า ตอนนี้ราคาผักกระโดดขึ้นเป็นรายวัน กิโลกรัมละ 20-30 บาท และยังมีแนวโน้มปรับขึ้นอีกเมื่อถึงเทศกาลกินเจ
ที่ จ.ยะลา ภายในตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง อ.เบตง บรรยากาศการซื้อขายผักสดในช่วงใกล้เทศกาลกินเจเริ่มเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนที่เตรียมเข้าร่วมถือศีลกินเจ ออกมาหาซื้ออาหารประเภทพืชผัก เครื่องเคียงเจเพื่อเตรียมไปประกอบอาหารเจ นำไปปรุงอาหารในเมนูต่างๆ รับประทานเองในครอบครัว ซึ่งจากการสำรวจร้านจำหน่ายผักสดตามแผงต่างๆ พบว่าราคาผักชนิดต่างๆ ที่นิยมในการประกอบอาหารเจมีการขยับราคาขึ้นทุกรายการ โดยเฉลี่ยกิโลกรัมละ 20-50 บาท บางชนิดปรับขึ้นเท่าตัว
ด้านแม่ค้าจำหน่ายผัก เปิดเผยว่า ราคาผักสดหลายประเภทมีการปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น มะเขือเทศจากเดิมจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 50 บาท ปรับขึ้นเป็น 60 บาท ส่วนผักใบขึ้นฉ่ายราคากิโลกรัมละ 80 บาท ปรับขึ้นเป็น 100 บาท และผักชี ต้นหอม จากเดิมกิโลกรัมละ 100 บาท ปรับขึ้นเป็น 180 บาท ผักกาดขาวจากกิโลกรัมละ 20 บาท ปรับขึ้นเป็น 60 บาท ส่วนมะนาวแป้นจากเดิมกิโลกรัมละ 80 บาท ปรับขึ้นเป็น 100 บาท และพริกขึ้หนูจากเดิมกิโลกรัมละ 150 บาท ปรับขึ้นเป็น 180 บาท
โดยสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้ผักสดปรับราคาสูงขึ้น เป็นช่วงใกล้เทศกาลกินเจ นอกจากความต้องการของประชาชนผู้บริโภคผักที่มากขึ้นแล้ว แหล่งเพาะปลูกผักในแถบภาคกลางถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ฝนตกชุกทำให้พืชผักสดออกสู่ตลาดน้อยลง และมีราคาแพงขึ้น รวมทั้งกระบวนการบรรจุหีบห่อระหว่างขนส่งอากาศร้อนชื้นทำให้ผักเน่าเสียหายง่าย รวมทั้งค่าขนส่งที่บรรดาพ่อค้าแม่ค้าผักส่วนใหญ่จะสั่งผักมาจากภาคกลาง แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาผักในอีก 2-3 วันนี้น่าจะมีการปรับราคาขึ้นอีก
ที่ จ.ตรัง จากการสำรวจราคาพืชผักผลไม้ตามตลาดนัดต่างๆ อย่างเช่นที่ตลาดนัดเสริมเจตน์ ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด แม่ค้าขายผักรายหนึ่ง บอกว่า ตามที่รัฐมีนโยบายจะลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยเหลือด้านค่าครองชีพแก่ประชาชนนั้น อยากให้ลดราคาน้ำมัน อยากให้ควบคุมราคาสินค้าไว้ เพราะว่าหากลดราคาน้ำมันลงแล้ว แต่ราคาสินค้าไม่ควบคุมไว้จะมีปัญหาอีก พ่อค้าแม่ค้าคนกลางสามารถเอาเปรียบพ่อค้าแม่ค้าที่รับสินค้ามาจำหน่ายต่อได้
ยิ่งตอนนี้ใกล้ถึงเทศกาลถือศีลกินเจ ราคาพืชผักเริ่มปรับสูงขึ้นแล้ว และเชื่อว่าพอถึงช่วงเทศกาลจริงๆ ราคาจะปรับสูงขึ้นอีก และบางชนิดอาจขาดตลาดได้ เช่น ฟักทอง ฟักเขียว กะหล่ำปลี ผักขาดขาว เป็นต้น ทั้งนี้ หากรัฐควบคุมราคาน้ำมัน ราคาพืชผักจะลดลงมา และขอให้ควบคุมราคาปุ๋ยด้วยเพราะปุ๋ยยังแพง ซึ่งหากราคาปุ๋ยลด ราคาสินค้าเกษตรจากมือเกษตรกรจะลดตาม เพราะปุ๋ยเป็นต้นทุนหลักของเกษตรกร
ส่วน น.ส.พะเยาว์ คงฉาด แม่ค้าขายผลไม้รายหนึ่ง บอกว่า ผลไม้ส่วนใหญ่ที่นำมาขายที่จังหวัดตรัง จะรับมาจากตลาดไท ซึ่งปัจจุบันนี้ค่าขนส่งยังแพงมาก โดยเขาจะคิดค่าขนส่งประมาณร้อยละ 6 บาท ที่จะต้องจ่ายเพิ่ม เช่น ถ้าเป็นผลไม้เป็นตะกร้า หากน้ำหนักตะกร้าละ 25 กก. คำนวณราคาแล้วจะต้องจ่ายเพิ่มตะกร้าละ 40-50 บาท หรือหากคิดเป็น กก. จะจ่ายเพิ่มประมาณ กก.ละ 4 บาท แต่ถ้าลดราคาน้ำมันลงได้อีก จะช่วยลดต้นทุนได้มาก พ่อค้าแม่ค้าต้นทุนลดลง ส่วนผู้บริโภคจ่ายน้อยลง
ด้าน นางสุธาภรณ์ วันจันทร์ แม่ค้าขายผักรายหนึ่ง ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง บอกว่า ช่วงใกล้ถึงเทศกาลถือศีลกินเจเช่นนี้ ราคาพืชผักเกือบทุกชนิดที่รับมาจากพ่อค้าคนกลาง พบว่า ทยอยปรับขึ้นแล้ว กก.ละ 20-30 บาท ทำให้แม่ค้ารายย่อยต้องปรับราคาขึ้นตาม ซึ่งผักที่ใช้ส่วนใหญ่สั่งซื้อมาทั้งจากจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง และในพื้นที่จังหวัดตรังเอง โดยพริก จาก กก.ละ 180 บาท ปรับขึ้นเป็น กก.ละ 200 บาท คะน้า จาก กก.ละ 35 บาท ปรับขึ้นเป็น กก.ละ 50 บาท ขึ้นฉ่าย จาก กก.ละ 90 บาท ปรับขึ้นเป็น กก.ละ 120 บาท.หัวไชเท้า จาก กก.ละ 35 บาท ปรับขึ้นเป็น กก.ละ 40 บาท
นอกจากนั้น ยังเชื่อว่าเมื่อถึงวันถือศีลกินเจวันแรก (14 ต.ค.) พืชผักจะปรับราคาขึ้นพรวดเลย เช่น คะน้า ปีก่อนๆ เคยปรับขึ้นถึง กก.ละ 60-70 บาท เพราะเทศกาลดังกล่าวต้องใช้ผักจำนวนมาก ประกอบกับปีนี้มีฝนตกชุก ทำให้พืชผักเสียหาย และค่าขนส่งยังแพงด้วย ขณะที่บรรยากาศการซื้อขายผักในปีนี้พบว่า ค่อนข้างเงียบ ไม่คึกคักเหมือนก่อน อาจเป็นเพราะเศรษฐกิจไม่ดี คนไม่มีเงิน จึงประหยัดกันมากขึ้น
