พัทลุง - สุดคาใจ! ชาวบ้านในพื้นที่ ต.อ่างทอง อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ถามชลประทานใช้งบภาษีเฉียด 19 ล้านบาท ติดตั้งเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า และเดินท่อประปา เสร็จมาแล้ว 4 ปี แต่ทำไมยังใช้ประโยชน์ไม่ได้
วันนี้ (5 ต.ค.) ชาวบ้านในพื้นที่ ต.อ่างทอง อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง สุดคาใจ หลังทางสำนักงานชลประทานจังหวัดพัทลุง ใช้งบเกือบ 19 ล้านบาท ก่อสร้างเครื่องสูบน้ำด้วยไฟฟ้า และเดินท่อประปา ช่วยเหลือเกษตรชาวสวนไม้ผล ในพื้นที่ที่ได้รับผลระทบจากภัยแล้ง เพื่อสูบน้ำจากคลองลำนำ จ่ายไปตามท่อเพื่อเข้าสวนของเกษตรกร ระยะทาง 3,965 เมตร โดยโครงการเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2562 และสิ้นสุดโครงการวันที่ 3 สิงหาคม 2562 เป็นวงเงิน 18,817,990.22 บาท และหลังจากก่อสร้างแล้วเสร็จมา 4 ปี ชาวบ้านยังไม่ได้ใช้ประโยชน์แต่อย่างใด
นายธีรพงศ์ สว่างรัตน์ เกษตรกรชาวสวนไม้ผล กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเกิดจากความเดือดร้อนของชาวสวนไม้ผลในพื้นที่ ไม่มีน้ำรดไม้ผลยามหน้าแล้ง ทางชลประทานจังหวัดพัทลุง ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยการดำเนินการก่อสร้างเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า และเดินท่อน้ำ แต่เมื่อสร้างยังไม่สามารถนำน้ำมาใช้ได้ เนื่องจากการก่อสร้างยังสร้างไม่ได้เต็มระบบ ในการทำโครงการชลประทานบอกระยะการวางท่อ 10 กิโลเมตร แต่ก่อสร้างได้เพียง 4 กิโลเมตร ทำให้เครื่องสูบน้ำที่มีแรงดันน้ำสูง เมื่อสูบขึ้นมาทำให้ท่อน้ำได้รับความเสียหาย จึงไม่สามารถสูบน้ำมาใช้ได้ดังกล่าว
ขณะที่ นายพีรพงค์ ทับทวี นายกเทศบาลตำบลอ่างทอง อ.ศรีนครินทร์ กล่าวว่า ตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้ไม่นาน และทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของชาวสวนไม้ผล จึงได้เรียกประชุมชาวบ้านเพื่อจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำ โดยมีเพียงสมาชิกที่มาลงชื่อไว้แค่ 18 ราย และเคยให้ช่างลงไปทดสอบเครื่องสูบน้ำแล้ว พบว่าเจอปัญหาด้วยงบประมาณค่าไฟฟ้าที่สูงเกินไป ไม่คุ้มกับการสูบน้ำมาใช้ และอีกอย่างท้องถิ่นไม่มีงบใช้จ่ายในการจ่ายค่าไฟเครื่องสูบน้ำไฟฟ้า ที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1,200 บาทต่อเดือน หากมีการสูบน้ำด้วยเครื่องดังกล่าว เลยไม่กล้าดำเนินการอะไร
ขณะที่ชาวบ้านระบุว่า จริงๆ โครงการดังกล่าวทางชลประทานจังหวัดพัทลุง ได้มอบให้ทางเทศบาลตำบลอ่างทอง เป็นผู้รับดูแล แต่ในที่ประชุมสภาในครั้งนั้น สภาไม่รับเครื่องสูบน้ำไฟฟ้าดังกล่าว เนื่องจากมองว่าไม่คุ้มค่ากับการลงทุน จึงไม่รับโครงการดังกล่าว ซึ่งมีเพียงอดีตนายกฯ และปลัดเทศบาลเป็นผู้เซ็นรับรองเท่านั้น โดยที่ไม่ผ่านมติที่ประชุมสภาแต่อย่างใด