ชุมพร - เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์เส้นทางหาดใหญ่-กรุงเทพฯ พุ่งชนเนินดินเกาะกลางข้ามไปชนศาลพระภูมิเจ็บระนาว คนขับเสียชีวิตคาที่ คาดคนขับหลับใน
เมื่อเวลา 00.40 น.วันนี้ (2 ก.ย.) ร.ต.อ.ธีรพร คงนวล รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารประจำทางเสียหลักพุ่งเหินข้ามเกาะกลางตกลงข้างทางริมถนนสายเพชรเกษม กม.ที่ 479+450 หมู่ 4 ต.หาดพันไกร อ.เมือง จ.ชุมพร มีผู้เสียชีวิตติดภายในรถและบาดเจ็บหลายราย จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงชุมพร โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หน่วยกู้ชีพกู้ภัยมูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์นำเครื่องตัดถ่างเร่งตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถทัวร์โดยสารประจำทางกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ สีฟ้าขาว ทะเบียน 15-4547 บริษัท สยามเดินรถ จำกัด จอดพลิกตะแคงซ้ายด้านหน้ากองดินสภาพเละด้านข้างพังเสียหายทั้งแถบ มีผู้โดยสารติดอยู่ภายในตัวรถได้รับบาดเจ็บหลายราย หน่วยกู้ภัยช่วยกันลำเลียงส่งโรงพยาบาลท่าแซะ และโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ให้แพทย์ทำการรักษาต่อไป
ส่วนคนขับทราบชื่อต่อมาคือ นายสุรชัย บัวเพชร อายุ 43 ปี คนขับรถมือ 1 ชาวอำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เสียชีวิตร่างติดอยู่ภายในบริเวณส่วนหน้า หน่วยกู้ภัยระดมกำลังใช้เครื่องตัดชิ้นส่วนรถนำร่างผู้เสียชีวิตออกมาอย่างทุลักทุเลท่ามกลางสายฝนตกโปรยปรายตลอดเวลา
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถทัวร์โดยสารคันดังกล่าวรับผู้โดยสารออกเดินทางจากอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อเวลาประมาณ 5 โมงเย็น ของวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 14 คน คนขับ 2 คน และเด็กรถ 1 คน รวมทั้งหมด 17 คน มุ่งหน้ากรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 00.22 น.ของวันที่ 2 ก.ย.ก่อนเกิดเหตุแวะลงเวลาที่สถานีขนส่งจังหวัดชุมพร (บขส.เมืองใหม่) เมื่อถึงจุดเกิดเหตุระหว่างนั้นผู้โดยสารส่วนใหญ่จะนอนหลับ
นายสุรชัย ผู้ตายทำหน้าที่เป็นคนขับรถโดยมีคนขับมือ 2 และเด็กรถนอนอยู่หลังเบาะคนขับ เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ รถได้เสียหลักพุ่งข้ามเนินดินที่เป็นเกาะกลางคั่นถนน 4 เลนฝั่งขาล่องและข้ามไปไปชนศาลพระภูมิพังเสียหายใกล้กับร้านซ่อมรถยนต์ จนเป็นเหตุทำให้มีผู้โดยสาร 14 คน เด็กรถและคนขับมือ 2 ที่นอนหลับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนนายสุรชัยเสียชีวิตคาที่
เบื้องต้นคาดว่าคนขับน่าจะหลับใน เพราะไม่มีร่องรอยการเสียหลัก หรือหักหลบสิ่งกีดขวางใดๆ มีแต่เพียงร่องรอยรถวิ่งขึ้นไปบนเนินดินเกาะกลางคั่นถนน 4 เลน แล้วพุ่งข้ามไปช่องทางขาล่องใต้ไปชนกับศาลพระภูมิใกล้กับร้านซ่อมรถยนต์ ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนพยานบุคคลที่เป็นผู้โดยสารและพยานแวดล้อมต่อไป