ตรัง - สสจ.ตรัง สั่งตรวจสอบ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง หลังมีข่าวพยาบาลพาร์ทไทม์ให้ยาอะดรีนาลีนผิดช่องทาง โดยการให้ยาทางเส้นเลือด แทนที่จะให้ทางพ่นละอองฝอย ทำน้องวัย 4 ขวบ เกิดอาการโคม่า
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวน้อง 4 ขวบ เกิดอาการโคม่า หลังจากพยาบาลพาร์ทไทม์ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งให้ยาอะดรีนาลีนทางเส้นเลือด ทั้งที่ปกติจะให้โดยการพ่นละอองฝอย ขณะที่ฝ่ายแม่เตรียมตั้งทนายดำเนินเรื่องให้ถึงที่สุดนั้น
นพ.สินชัย รองเดช นายแพทย์สาธารณสุข (สสจ.) จังหวัดตรัง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ล่าสุด ทางสำนักงานได้รับทราบข้อมูลคร่าวๆ มาบ้างแล้ว ซึ่งเหตุเกิดเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 โดยภาพรวมในเรื่องนี้ที่ถูกกล่าวถึงคือ การสั่งการรักษา และการเกิดผลกระทบ ทำให้น้องวัย 4 ขวบกว่าๆ มีปัญหาอาการเข้าขั้นสาหัส จนต้องรีบช่วยชีวิต ณ ที่เกิดเหตุ แล้วส่งต่อไปโรงพยาบาลตรัง และโรงพยาบาล ม.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งทราบว่าล่าสุดอาการน้องพ้นวิกฤตแล้ว แต่ยังมีอาการอ่อนแรงครึ่งซีก ไม่สามารถที่จะไปโรงเรียนได้
ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง ได้ลงไปดูในเรื่องของผู้ให้บริการวิชาชีพเฉพาะสาขาต่างๆ ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ว่า ได้แจ้งรายชื่อขออนุญาตมาที่สำนักงานอย่างถูกต้องทุกคนหรือเปล่า รวมทั้งไปดูในเรื่องของมาตรฐานการให้บริการ และเรื่องความผิดพลาดในการบริหาร กรณีของการให้ยาที่ไม่ถูกช่องทาง โดยตนเองได้มอบให้กลุ่มการคุ้มครองผู้บริโภคลงไปตรวจสอบ และเก็บหลักฐานต่างๆ ว่า ยาที่ให้ผู้ป่วยเป็นยาอะไร สั่งโดยใคร และผู้รับออเดอร์ในการให้ยาครั้งแรกคือใคร ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องของยาพวกนี้หรือเปล่า
โดยเฉพาะจากกรณีนี้คือ ยาอะดรีนาลีน ซึ่งเป็นยาอันตราย ฉะนั้น การสั่งออเดอร์ หรือรับออเดอร์ จนไปถึงห้องยาต้องมีความรอบคอบ และให้ถูกช่องทางในการเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วย มิเช่นนั้นจะก่อให้เกิดอาการข้างเคียงฉับพลันได้ เพราะยาอะดรีนาลีนโดยปกตินั้นจะไม่นิยมให้ทางเส้นเลือด ยกเว้นในกรณีที่ผู้ป่วยหมดสติ หัวใจหยุดเต้นเพื่อช่วยฟื้นคืนชีพ แต่ถ้าให้ในผู้ป่วยปกติจะเน้นการพ่นละอองฝอย เพื่อให้ค่อยๆ รับยาเข้าไป
ขณะเดียวกัน ยังได้ไปติดตามเรื่องของทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ว่า จะออกมาแสดงความรับผิดชอบอย่างไร และมีการเยียวยาให้ผู้เสียหายอย่างไรบ้างแล้ว แม้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดทางญาติจะไม่ได้ร้องเรียนมาที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง แต่ตนเองได้สั่งการให้รองนายแพทย์สาธารณสุขลงไปดูแล้ว เนื่องจากเหตุเกิดในพื้นที่ของ จ.ตรัง ซึ่งพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ทั้งฝ่ายผู้รับบริการ และผู้ให้บริการ รวมทั้งไปตรวจสอบในส่วนของพยาบาลที่ให้ยาว่าเป็นพยาบาลพาร์ทไทม์หรือไม่ ทำงานที่ไหน อยู่ในสังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรังหรือเปล่า และได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่ ซึ่งหากไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง ความผิดหลักคือเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว