นครศรีธรรมราช - ไฟป่าผลาญพรุควนเคร็งหนักระลอกใหม่ ชาวบ้านเชื่อเกิดจากการเผากระจูดเป็นสาเหตุหลัก ด้านสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ระดมกำลังจาก 7 ศูนย์ไฟป่าทั่วประเทศเข้าช่วยด่วน
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่บ้านควนยาว ควนชิง ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ยังประสบปัญหากับไฟป่าที่กำลังลุกลามอย่างหนักในพื้นที่พรุควนเคร็ง เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช แนวไฟยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 3 แล้ว ยังไม่สามารถควบคุมได้ เนื่องจากการเข้าถึงพื้นที่ การเคลื่อนย้ายอุปกรณ์เป็นไปด้วยความยากลำบาก ในพื้นที่นี้เต็มไปด้วยป่ากระจูด และป่าเสม็ดขาว และทรัพยากรสัตว์น้ำ และลิงแสมจำนวนมาก โดยฝูงลิงได้หลบหนีแนวไฟตามสัญชาตญาณหายไปจากพื้นที่ แต่สันนิษฐานว่าบางส่วนอาจถูกไฟคลอก และสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำจำพวกเต่าพรุอาจได้รับผลกระทบโดยเฉพาะพื้นที่วางไข่
ส่วนภาคพื้นดิน เจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนสานมุ่งหน้าสู่ อบต.เคร็ง และชุมชนผลิตกระจูด ต.เคร็ง ชั่วคราว และระดมรถน้ำพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ไฟป่าเข้ารักษาแนวไฟไม่ให้ลุกลาม บางส่วนต้องลุยเข้าไปในป่า พร้อมอุปกรณ์เพื่อใช้น้ำฉีดสกัดสร้างความชื้นป้องกันแนวไฟ ขณะเดียวกัน อุปสรรคใหญ่คือลมแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้แนวไฟโหมลุกลามขยายวงกว้างไปหลายร้อยเมตร
อาสาสมัครเฝ้าระวังไฟป่าตำบลเคร็ง ระบุว่า ไฟป่าว่างเว้นมา 3-4 ปี ครั้งใหญ่ครั้งที่แล้วเมื่อปี 2562 มาครั้งนี้พื้นที่เต็มไปด้วยความหนาแน่นของกระจูดและพืชชนิดต่างๆ ขึ้นเต็มกลายเป็นเชื้อไฟอย่างดี สาเหตุที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการจุดทั้งหมด เข้าใจว่าเป็นการจุดทำลายกระจูดเก่าเพื่อให้กระจูดใหม่เกิดขึ้น ความเชื่อของชาวบ้านคือรอให้กระจูดขึ้นใหม่เพื่อคุณภาพที่ดีขึ้น ส่วนไม้เสม็ดขาวนั้นเมื่อถูกไฟไม่นานเขาจะดีขึ้นอีกจะกลับมาผลิใบได้ดีกว่าเก่า หากไฟไม่ลามเข้าไปในพื้นที่เกษตรเขาก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร เขามองเขาคิดกันอย่างนั้น
ส่วนการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่พยายามที่จะเน้นควบคุมแนวไฟให้อยู่ในพื้นที่จำกัด แต่ปัญหาเรื่องลมและเชื้อเพลิงยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คุมแนวไฟได้ยาก บางจุดยังมีแนวไฟเรือนยอดกระจายสะเก็ดไปยังพื้นที่ใกล้เคียงผ่านแรงลมยิ่งทำให้ลุกลามอย่างหนักไปอีก ขณะเดียวกัน บางจุดพบว่ามีความพยายามลักลอบบุกรุกด้วยการเข้าไปทำลายไม้เสม็ด และปลูกปาล์มแซมเข้าไปเพื่อยึดถือครอบครอง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจยึดและดำเนินคดี
ด้าน นายเพิ่มศักดิ์ คงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 เปิดเผยว่า ขณะนี้หลักคือต้องเร่งควบคุมแนวไฟให้ได้ สภาพพื้นที่ความแล้งขาดฝน ประกอบกับพืชป่าพรุที่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ระดมเจ้าหน้าที่จาก 7 ศูนย์ไฟป่าเข้าช่วยเหลือดับไฟอย่างต่อเนื่อง แต่จุดไหนที่เกรงอันตรายจะเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ต้องระวังและเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ส่วนการเกิดไฟนั้นเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว มีการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่โดยเฉพาะสายตรวจที่ออกตรวจพื้นที่ทุกจุด ทางเจ้าหน้าที่ไม่ขอกล่าวหาใคร แต่ทุกฝ่ายควรต้องช่วยกันดูแล