xs
xsm
sm
md
lg

มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ฯ ชูแผนพัฒนา “ทะเลสาบสงขลา” หนุนอาชีพ ควบคู่อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภาคใต้ - มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เดินหน้าโครงการพัฒนาอาชีพ ตามดำริ ‘พลเอกเปรม ติณสูลานนท์’ ภายใต้แผนงาน “ทะเลสาบสงขลายั่งยืน” มุ่งสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการพัฒนาอาชีพชุมชนชาวประมงรอบทะเลสาบสงขลา ไปพร้อมๆ กับการปกป้องฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล สู่ความยั่งยืนในทุกมิติ

นายจอมกิตติ ศิริกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท เปิดเผยว่า มูลนิธิฯ เล็งเห็นความสำคัญของทะเลสาบสงขลาในด้านทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ เนื่องจากเป็นทะเลสาบแบบลากูนแห่งเดียวของประเทศไทย และมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่ของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด โดยเฉพาะ “โลมาอิรวดี” ซึ่งจัดเป็นสัตว์ทะเลสถานะใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงมีป่าพรุ และป่าชายเลนโดยรอบทะเลสาบ มูลนิธิฯ จึงมุ่งขับเคลื่อนโครงการพัฒนาอาชีพตามดำริ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ภายใต้แผนงาน “ทะเลสาบสงขลายั่งยืน” เพื่อสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชน ควบคู่ไปกับการปกป้อง ฟื้นฟู และอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติในทะเลสาบสงขลา

“มูลนิธิฯ เดินหน้าแผนงานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ทะเลสาบสงขลายั่งยืน ปี 2566-2568 มุ่งปกป้องและฟื้นฟูทะเลสาบสงขลา พัฒนาอาชีพประมงพื้นบ้านยั่งยืน และอนุรักษ์สัตว์ในทะเลสาบ ครอบคลุมทะเลสาบตอนบน ตอนกลาง และตอนล่าง ที่สำคัญทะเลสาบสงขลาถือเป็นทั้งแหล่งอาชีพ และแหล่งอาหารที่สำคัญของชุมชนกว่า 4 แสนครัวเรือน มูลนิธิฯ จึงมีแผนสนับสนุนการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สร้างอาชีพที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในอนาคต” นายจอมกิตติ กล่าว


ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ มีการแลกเปลี่ยนทิศทางการขับเคลื่อนงานร่วมกับภาคีเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และชุมชน ได้แก่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวง พัทลุง-สงขลา ในการหาแนวทางอนุรักษ์ “โลมาอิรวดี” พร้อมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนมีรายได้จากการท่องเที่ยว และสนับสนุนเด็กและเยาวชนลูกหลานชาวประมงสร้าง “มัคคุเทศก์น้อย” ผ่านหลักสูตร Thai Lagoon เพื่อปลูกฝังการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในทะเลสาบสงขลา และมีความภาคภูมิใจในบ้านเกิดของตนเอง พร้อมทั้งหารือร่วมกับสมาคมรักษ์ทะเลไทย ในการสนับสนุนการสร้างอาชีพยั่งยืน เช่น การทำธนาคารกุ้งก้ามกรามเพื่อการเพิ่มพันธุ์สัตว์น้ำเศรษฐกิจ การเลี้ยงปลาในกระชังในพื้นที่ทะเลสาบสงขลา เพื่อส่งเสริมอาชีพและรายได้ และได้เข้าพบมูลนิธิพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศพื้นที่ทะเลสาบสงขลาตอนบน บริเวณชุมชนปากประ ซึ่งเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญของโลก รวมถึงการอนุรักษ์ “ควายน้ำ” ระบบการเลี้ยงควายปลักพื้นที่ทะเลน้อย ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตรแห่งแรกของไทย


นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังเข้าหารือสถาบันทักษิณคดีศึกษา สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนจังหวัดสงขลา ในการร่วมมือด้านการท่องเที่ยวชุมชน การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน อาหารท้องถิ่น และเข้าศึกษาดูงานที่ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตโหนด นา เล บ้านท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลา ต่อยอดการยกระดับผลิตภัณฑ์จากตาลโตนด พร้อมช่องทางการจำหน่ายเข้าสู่ตลาดโมเดิร์นเทรด โดยมีเป้าหมายขยายสู่กิจการเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise และการพัฒนากลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำ “นาริมเล” บ้านปากประ ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนอย่างยั่งยืน

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ นายจอมกิตติ ศิริกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท พร้อมด้วย นายบรรจง นะแส ที่ปรึกษาสมาคมรักษ์ทะเลไทย นายกิตติพงศ์ สงนุ้ย หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลหลวง พัทลุง-สงขลา นายศุภเศรษฐ โอภิธากรณ์ กรรมการมูลนิธิพื้นที่ชุมน้ำทะเลน้อย น.ส.รมิตา ธุระบุตร์ รองนายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนสงขลา นายกัญจนณัฏฐ์ บุญดำ หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์พนางตุง นายสายันต์ รักดำ ผู้นำกลุ่มทำนาริมเลบ้านปากประ ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง นางพูนทรัพย์ ชูแก้ว ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชน โหนด นาเล บ้านท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลา สถาบันทักษิณคดีศึกษา และคณะทำงานของมูลนิธิฯ ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาอาชีพตามดำริ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้ร่วมติดตามความคืบหน้าแผนงาน “ทะเลสาบสงขลายั่งยืน” สานต่อความร่วมมือของทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน
















กำลังโหลดความคิดเห็น