ตรัง - ชาวบ้านยื่นหนังสือถึงสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ร้องขอความเป็นธรรมค่าเวนคืนสนามบินตรัง รับไม่ได้คณะกรรมการกำหนดราคา ตารางวาละ 200 บาท ซึ่งเมื่อนำมาคูณกับค่าดัชนี 4.37 ของกรมธนารักษ์ได้ประมาณไร่ละ 3.4 แสนบาทเท่านั้น
จากกรณีที่ชาวบ้านใน ต.โคกหล่อ และ ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินกว่า 223 แปลง ได้ร้องขอความเป็นธรรมราคาเวนคืนที่ดินเพื่อขยายรันเวย์สนามบินตรัง ของกรมธนารักษ์ ที่ชาวบ้านมองว่าราคาต่ำกว่าความเป็นจริง หรือต่ำกว่าราคาการซื้อขายจริงในท้องตลาดกว่า 5 เท่า โดยได้รวมตัวกันยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และส่งหนังสือไปสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยราคาในการเวนคืนตามประกาศคณะกรรมการกำหนดราคาตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ซึ่งได้มีการเรียกประชุมชี้แจงให้ชาวบ้านรับฟัง เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรมธนารักษ์กำหนดไว้ว่า พื้นที่ดินไม่ติดถนนให้ตารางวาละ 200 บาท และพื้นที่ติดถนนให้ตารางวาละ 260 บาท แต่ชาวบ้านบางรายมีที่ดินติดถนนใหญ่เส้นเดียวกัน โดยฝั่งหนึ่งให้ตารางวาละ 1,000 บาท ส่วนฝั่งตรงกันข้ามให้ตารางวาละ 550 บาท ซึ่งเมื่อนำไปคูณกับดัชนีราคา 4.37 แล้ว ราคายังต่ำมาก ทำให้ชาวบ้านมองว่ามีความเหลื่อมล้ำ
โดยเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เสนอในที่ประชุมระหว่างฝ่ายกรมท่าอากาศยาน และชาวบ้าน จำนวน 3 แนวทาง กับ 1 ข้อปฏิบัติ คือ 1.ให้กรมท่าอากาศยาน ทบทวนอัตราค่าเวนคืนใหม่ 2.ให้ชาวบ้านร้องต่อ รมว.คมนาคมให้ทบทวน และ 3.รอร้องอุทธรณ์ค่าเวนคืนหลังมีการประกาศราคาออกมาแล้ว โดยที่ประชุมเลือกแนวทางที่ 1 ให้กรมท่าอากาศยาน ทบทวนอัตราค่าเวนคืนใหม่ ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการทบทวนข้อมูลใหม่ เนื่องจากข้อมูลการประเมินเดิมมีที่ดินบางแปลงใช้ฐานที่ดินตาบอดในอดีตมาประเมิน ขณะที่ปัจจุบันมีถนน และทางสาธารณะเข้าถึงแล้ว เป็นต้น
ล่าสุด กลุ่มชาวบ้านได้ทำหนังสือถึงสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เพื่อหาทางช่วยเหลือให้มีการกำหนดราคาที่ดินให้มีมาตรฐาน โดยมีนายกิตติพงศ์ ผลประยูร เลขาธิการสมาคมผู้ประเมินทรัพย์แห่งประเทศ ได้พบกับตัวแทนชาวบ้านเพื่อรับฟังปัญหา หาข้อสรุป และให้คำแนะนำ โดยนายประพันธ์ ไตรทิพย์พงศ์ ชาวบ้านหมู่ 3 ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 6 พ.ค.2565 ได้มีการออก พ.ร.บ.เวนคืนที่ดิน เพื่อก่อสร้างส่วนขยายและรันเวย์สนามบินตรัง ต่อมาวันที่ 14 มิ.ย.2566 คณะกรรมการ ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนในท้องที่ และหน่วยงานภาครัฐกำหนดหลักเกณฑ์ราคาที่ต่ำมาก โซนด้านหน้า 650 บาท/ตารางวา โซนด้านหลัง 200 บาท/ตารางวา ตนและชาวบ้านจึงได้ทำหนังสือร้องต่อเลขาธิการสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เพื่อหาทางช่วยเหลือให้มีการกำหนดราคาที่ดินให้มีมาตรฐาน
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า ได้หารือเลขาธิการสมาคมฯ ว่ามีแนวทางช่วยเหลืออย่างไรบ้าง ซึ่งเรื่องการประเมินที่ต่ำด้วยสภาพสังคม ประชาชนต้องเดือดร้อน เพราะต้องย้ายออกจากพื้นที่ ประชาชนประกอบอาชีพการเกษตร สวนยาง สวนปาล์มน้ำมัน ถ้าเขาได้ราคาต่ำ เงินที่ได้จะไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตได้ อีกทั้งราคาที่ดินที่จะไปซื้อในอนาคตล้วนมีราคาสูง ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตว่าราคาที่ดินที่ซื้อขายจริงในละแวกสนามบินตรัง มีราคาที่สูงถึงไร่ละ 3-4 ล้านบาท แต่ชาวบ้านได้ค่าเวนคืนเพียงไร่ละ 4 แสนบาท ซึ่งราคานี้ต่ำกว่าราคาซื้อขายในท้องตลาดมาก ซึ่งคณะกรรมการชี้แจงว่าเขายึดหลักเกณฑ์ของกรมธณารักษ์ และกรมที่ดิน ซึ่งก่อนนี้มีชาวบ้านไปเรียกร้องเรื่องนี้ที่ศาลากลางจังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัดตรังได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมเอกสาร โดยมีการท่าอากาศยาน ตัวแทนผู้ประเมิน และตัวแทนชาวบ้าน
“ประชาชนเองคาดหวัง เพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องราคา พวกเราชาว ต.โคกหล่อ ชาว ต.ควนปริง ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรง มีความยินดีในการพัฒนา จ.ตรัง นำรายได้เข้าจังหวัด และส่งเสริมการท่องเที่ยว ชาวบ้านให้ความร่วมมือทุกอย่าง แต่ติดขัดเพียงเรื่องเงินค่าเวนคืนที่ดิน เพราะค่าเวนคืนต่ำมาก ถึงแม้ที่ผ่านมาชาวบ้านได้รับผลกระทบเรื่องอื่นด้วย เช่น การเกิดอุบัติเหตุ คนป่วยได้รับผลกระทบ แต่ชาวบ้านรับได้ แต่เรื่องค่าเวนคืนเราอยากให้รัฐดูแลมากกว่านี้ และให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านด้วย” แกนนำชาวบ้าน ระบุ
ด้านนายกิตติพงศ์ ผลประยูร เลขาธิการสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมฯ มีอำนาจหน้าที่ต้องดูแลราคาประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่งชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้ไปยื่นหนังสือด้วยตนเองที่สมาคมฯ และตอนนี้นายกสมาคมฯ ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนขยายสนามบินตรัง ตนได้เข้าไปพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ และได้รับปากว่าจะช่วยเหลือให้ชาวบ้านได้รับความเป็นธรรม สร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น ซึ่งรัฐต้องให้ความเป็นธรรมเรื่องราคา รัฐต้องจ่ายไม่มากเกินไปจนได้รับผลกระทบ และชาวบ้านต้องได้ไม่น้อยเกินไป ราคาต้องเหมาะสม และต้องไปตามกฎหมาย วันนี้เราได้รับข้อมูล 158 ข้อมูล ซึ่งเป็นข้อมูลการซื้อขายที่ดิน ที่คณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้นของจังหวัดตรัง นำมาประกอบว่าจะคูณค่าดัชนี 4.37 เท่า ซึ่งเราต้องนำข้อมูลนี้มาวิเคราะห์ว่า 158 ข้อมูล จะสามารถนำมาเป็นข้อมูลตัวแทนได้กี่ข้อมูล เพื่อมาดูว่า 4.37 เท่านั้นเหมาะสมหรือไม่ และราคาประเมิน 200 บาท/ตารางวา ที่กรมธนารักษ์กำหนดเพื่อนำมาเก็บค่าธรรมเนียมนั้นใช้เป็นฐานได้หรือไม่ หรือจะใช้ข้อมูลอื่นเพื่อให้ตัวแทนชาวบ้าน 7 คน ที่ประชาชนแต่งตั้งนำเสนอต่อคณะกรรมการในขั้นตอนการทบทวน และขอชื่นชมคนตรังที่นำเสนอเรียกร้องด้วยดี และคาดหวังว่าคณะกรรมการจะรับฟังพี่น้องประชาชนด้วย ขอให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย
นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้ทั้งหมด ในฐานะนักประเมิน ในฐานะที่เคยเป็นเจ้าพนักงานที่ดิน จ.ตรัง จ.เพชรบุรี จ.ชลบุรี เคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกำหนดราคาค่าเวนคืนรถไฟความเร็วสูง สายภาคตะวันออก ซึ่งที่นั่นได้คูณค่าดัชนีถึง 6.9 เท่า และยังนั่งอยู่ในหลายคณะกรรมการ จึงกล้าพูดว่าภาครัฐ รวมทั้งคณะกรรมการทุกคนสามารถทบทวนได้ เพิ่มเติมได้ ทุกอย่างแก้ไขปรับปรุงได้ ราคาค่าเวนคืน งบประมาณ เพิ่มได้ เพราะข้อมูลพื้นฐานที่ทางกรมธนารักษ์กำหนดเขากำหนดเพื่อจัดเก็บค่าธรรมเนียมสิทธิจดทะเบียน ค่าราคาประเมินเก็บภาษีของท้องถิ่น ซึ่งกฎกระทรวงไปใช้ข้อนี้ และใช้ราคาจดทะเบียนซื้อขายที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งทุกคนทราบดีว่าการจดทะเบียนราคาซื้อขายที่ดินนั้น ผู้ซื้อขายไม่ได้บอกราคาที่แท้จริง การจดทะเบียนซื้อขายมีสักกี่รายที่สะท้อนราคาตลาด ถ้าเอาแค่ 3 ข้อนี้มา ราคาก็ไปได้ไม่เท่าไหร่ ดังนั้น จำเป็นต้องใช้ข้ออื่น เหตุและผลในการเวนคืน ปัจจัยอื่นสามารถนำมาใช้ได้
“ตารางวาละ 200 บาท หรือไร่ละ 80,000 บาท ใน จ.ตรัง ไม่มีที่ดินตรงไหนราคานี้ แล้วเมื่อนำมาคูณค่าดัชนี 4.37 ตกประมาณไร่ละ 340,000 บาท อย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ มันไม่สะท้อน ซึ่งค่าดัชนีที่เป็นไปได้ มีตั้งแต่ 3-7 ซึ่ง 4.37 อยู่ระดับกลาง แต่บังเอิญเจอราคาประเมินที่ต่ำ จึงทำให้ราคาเวนคืนไปไม่ถึง แต่สามารถขยับได้ ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการว่ารับฟังข้อมูลรอบด้านหรือยัง คณะกรรมการระดับจังหวัดอย่าฟังเพียงฝ่ายเลขานำเสนอข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว ขอฝากไปยังคณะกรรมการที่เป็นข้าราชการ ทั้งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด ธนารักษ์จังหวัด ธนารักษ์พื้นที่ นำเสนอข้อมูลที่เกิดความเป็นธรรม อย่าพูดเพียงว่าราคานี้เพื่อเก็บค่าธรรมเนียม อยากให้เรื่องนี้จบลงแค่ขั้นตอนทบทวน อย่าเสียเวลาเลย ชาวบ้านเองเขาไม่ได้อยากไปประท้วง เขาอยากให้จบลงในขั้นตอนทบทวนในราคาที่เป็นไปได้ อย่าใช้เวลาที่ยาวนาน เพราะชาวบ้านเขาก็เดือดร้อน” นายกิตติพงศ์ ระบุ