xs
xsm
sm
md
lg

(คลิป) ยังไม่ลงดาบกัปตันเรือขับพานักท่องเที่ยวฝ่าคลื่นสูง แจงเดินหน้าปลอดภัยกว่า หันหัวเรือกลับเรืออาจพลิกคว่ำได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าท่าภูเก็ตยังไม่ลงดาบกัปตันเรือขับฝ่าคลื่นสูง อยู่ในขั้นรวบรวมข้อมูลเข้าข่ายผิดตาม ม.291 พ.ร.บ.เดินเรือไทยหรือไม่ ด้านกัปตันเรือแจงเช็กสภาพอากาศแล้วแต่เจอมรสุมกลางทาง ตัดสินใจขับฝ่าคลื่นปลอดภัยกว่ามีเรือใหญ่นำร่องช่วยตัดคลื่นให้เล็กลง หันหัวเรือกลับอาจทำเรือพลิกคว่ำได้




จากกรณีที่มีการโพสต์คลิปในสื่อโซเชียล เรือสปีดโบ๊ตขณะฝ่าคลื่นลมแรงระหว่างกลับจากเกาะพีพี จ.กระบี่ เพื่อกลับมาท่าเทียบเรือในภูเก็ต เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สังคมโซเชียลตั้งข้อสังเกตและเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัย ทางเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ได้ทำการตรวจสอบและทราบว่าลำเรือลำดังกล่าว ชื่อ ณัฐทิชา 555 ขณะเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่ในเรือ 8 คน พร้อมด้วยกัปตันและลูกเรืออีก 2 คน ฝ่าคลื่นสูง 3-4 เมตร ระหว่างทางกลับจากเกาะพีพีเพื่อมาขึ้นฝั่งที่ จ.ภูเก็ต ได้อย่างปลอดภัย

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (3 ส.ค.) นายไพโรจน์ ศรีละมุล นายอำเภอเมืองภูเก็ต พร้อมด้วย นายอดูลย์ ระลึกมูล เจ้าพนักงานตรวจเรือชำนาญการ สำนักงานเจ้าท่าภูเก็ต รวมทั้งผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวที่เป็นเจ้าของเรือทั้ง 2 ลำ ตามที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว ร่วมชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว รวมถึงมาตรการความปลอดภัยในการเดินทางทางน้ำ


นายอดูลย์ ระลึกมูล เจ้าพนักงานตรวจเรือสำนักงานเจ้าท่าภูเก็ต กล่าวว่า หลังจากที่มีภาพปรากฏในโซเชียล ทางเจ้าท่าภูเก็ตได้ตรวจสอบเรือที่ปรากฏในคลิปดังกล่าวแล้วพบว่า ตัวเรือและเครื่องจักรยนต์มีสภาพพร้อมใช้งานตามที่ระบุในใบอนุญาตใช้เรือ พร้อมทั้งได้เชิญกัปตันเรือ พร้อมเจ้าของเรือ ทั้ง 2 ลำ มาให้ปากคำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 291 พ.ร.บ.เดินเรือไทย เกี่ยวกับการประพฤติของกัปตันว่ามีความหย่อนยานในการขับเรือและดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสารหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกัปตันเรือแต่อย่างใด ยังอยู่ในขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเจ้าท่าภูเก็ตนั้นได้เน้นย้ำในเรื่องของความปลอดภัยเป็นสำคัญ โดยได้กำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยการเดินทางทางน้ำไว้ 3 ส่วน คือ ท่าเทียบเรือจะต้องมีความพร้อมและมีความปลอดภัย ตัวเรือ ได้เน้นย้ำในส่วนของเจ้าของเรือ กัปตัน จะต้องตรวจสอบสภาพเรือให้พร้อมใช้งานและมีอุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น เสื้อชูชีพครบตามจำนวนผู้โดยสาร มีถังดับเพลิง วิทยุสื่อสาร กัปตันเรือจะต้องไม่เสพยาเสพติด ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และในส่วนของผู้ใช้บริการจะต้องปฏิบัติตัวตามที่กำหนด และต้องมีสติหากเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินขึ้น และอื่นๆ เพื่อความปลอดภัย

นอกจากนี้ เรือทุกลำจะอยู่ในการควบคุมของศูนย์ควบคุมเรือ รวมไปถึงผู้ประกอบการเรือจะต้องตรวจสอบคำสั่งในการเดินเรือของเจ้าท่าและพยากรณ์อากาศก่อนออกเรือทุกครั้ง และจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าท่าอย่างเคร่งครัด และหากเกิดอุบัติเหตุสามารถแจ้งได้ที่เบอร์ 1199 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายจิรทีปต์ ประโมงกิจ กัปตันเรือณัฐทิชา 555
ด้าน นายจิรทีปต์ ประโมงกิจ กัปตันเรือณัฐทิชา 555 กล่าวว่า วันนั้นได้นำเรือสปีดโบ๊ตพร้อมด้วยผู้โดยสารในเรือออกจากท่าเรือในจังหวัดภูเก็ต ในช่วงเช้า มุ่งหน้าไปเกาะพีพี จ.กระบี่ และช่วงบ่ายในเวลาประมาณ 13.50 น.ได้นำเรือออกจากพีพี เพื่อกลับมาภูเก็ต ซึ่งตอนที่นำเรือออกมานั้นได้มีการตรวจสภาพอากาศ ยังไม่มีฝนตกและยังไม่มีลม คลื่นในทะเลสูงประมาณ 1-2 เมตร และจะมีลมแรงในเวลาประมาณ 15.00 น. จึงได้นำเรือออกจากฝั่ง พร้อมทั้งได้นำเรืออ้อมไปทางแหลมตง ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใช้ในช่วงมรสุมแม้ระยะทางจะไกลกว่าเส้นทางปกติก็ตาม

เมื่อนำเรือออกมาได้ประมาณ 20 นาที ได้เกิดมรสุมโดยไม่ได้ตั้งตัว ซึ่งจุดนี้คนขับเรือจะรู้กันว่าจะต้องขับตามหลังเรือลำใหญ่เพื่อให้เรือลำใหญ่ตัดคลื่นให้ และจะต้องขับแบบส่ายไปส่ายมาขับเพื่อเล่นคลื่นและขวางคลื่น เพราะหากขับชนคลื่นตรงๆ เรืออาจจะแตกได้


และที่ตัดสินใจฝ่าคลื่นไปเรื่อยๆ โดยไม่หันหัวกลับนั้น เพราะหากหันหัวเรือกลับเรืออาจจะพลิกคว่ำได้จากคลื่นใหญ่ตีเข้ามา นำโต้คลื่นไปเรื่อยๆ และอีกอย่างด้านหน้ามีเรือลำใหญ่ขับนำร่องอยู่แล้ว เราขับตามหลัง ทำให้คลื่นเล็กลงจากสูง 4-5 เมตร จะเหลือ 2-3 เมตรเท่านั้น และในขณะนั้นมีเรือขับตามกันมากว่า 10 ลำ ทำให้มั่นใจว่าจะปลอดภัยสามารถฝ่ามาได้ และจากประสบการณ์ที่ขับเรือสปีดโบ๊ตมากว่า 10 ปี ประสบเจอกับคลื่นที่สูงกว่านี้มาแล้ว และที่สำคัญเรืออยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน แต่อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสาร จะไม่ประมาทโดยเด็ดขาด


อย่างไรก็ตาม ในส่วนของภาพที่ออกมาว่า นักท่องเที่ยวในเรือที เอส เค 6 ไม่สวมเสื้อชูชีพขณะเรือวิ่งฝ่าคลื่นสูงนั้น ไกด์ประจำเรือได้ชี้แจงว่า ก่อนเรือออกจากท่าที่เกาะพีพี นักท่องเที่ยวในเรือกว่า 40 คน สวมเสื้อชูชีพทุกคน แต่เมื่อเรือวิ่งมาได้สักระยะหนึ่ง มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 2 คน น้ำได้สาดเข้ามาทำให้เสื้อเปียก ประกอบกับมีอาการเมาเรือ รู้สึกอึกอัด จึงได้ถอดเสื้อชูชีพออกเพื่ออาเจียน แต่หลังจากนั้นได้ใส่เสื้อชูชีพเหมือนเดิม ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนักท่องเที่ยวไม่ได้ตื่นตกใจแต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น