นราธิวาส - ชาวมูโนะพร้อมฝากความหวังไว้กับ “บิ๊กโจ๊ก” ช่วยเร่งติดตามตัวเจ้าของโกดังเก็บพลุดำเนินคดี หาคนรับผิดชอบในเหตุการณ์ระเบิด ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซมบ้านแล้ว 13 หลัง จากความที่เสียหายกว่า 600 หลัง
นับตั้งแต่เกิดเหตุระเบิดโกดังดอกไม้ไฟ ในพื้นที่ตลาดมูโนะ หมู่ 1 ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เหตุการณ์ในครั้งนั้นสร้างความสูญเสียเป็นวงกว้าง ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ปัจจุบันจังหวัดนราธิวาสได้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ โดยปัจจุบันมีรายงานยอดผู้ได้รับผลกระทบ จำนวน 682 ครัวเรือน ชาย 1,200 คน หญิง 1,313 รวม 2,513 คน ผู้เสียชีวิต จำนวน 11 ราย (ในจำนวนนี้รอตรวจพิสูจน์ยืนยัน 2 ราย) มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 389 ราย กลับบ้านแล้ว จำนวน 379 ราย แอดมิทโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จำนวน 10 ราย มีทรัพย์สินที่เป็นบ้านเรือนได้รับความเสียหาย จำนวน 682 หลัง โรงเรียน จำนวน 3 แห่ง รถจักรยานยนต์ จำนวน 25 คัน รถยนต์ จำนวน 39 คัน รถ 6 ล้อ จำนวน 1 คัน รถคูโบต้า จำนวน 1 คัน จักรยาน จำนวน 1 คัน และทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่สามารถบอกมูลค่าได้ทั้งทองและเงินที่เก็บไว้ในบ้าน
ขณะที่ความช่วยเหลือทางจังหวัดมีการเปิดศูนย์พักพิง ณ สนามกีฬามูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ปัจจุบันผู้พักอาศัย 8 ครัวเรือน รวมจำนวน 42 คน ขณะที่ในพื้นที่ได้เร่งดำเนินการซ่อมแซมบ้านไปแล้ว จำนวน 13 หลัง โดยมีเจ้าหน้าที่ ฉก.นย.ทร. ชุดช่างพร้อมอุปกรณ์ กำลังพล ภ.จว.นราธิวาส ชุดช่างพร้อมอุปกรณ์จาก ฉก.นราธิวาส ชุดช่างป้องกันจังหวัดนราธิวาส ส่วนเงินชดเชยกรณีเสียชีวิต 9 ราย ได้มีการแจกจ่ายให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว ทั้งจากมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ รายละ 10,000.00 บาท รวม 90,000.00 บาท เงินทดรองราชการตามระเบียบกระทรวงการคลัง รายละ 29,700.00 บาท รวม 267,300.00 บาท
ตลอดถึงในพื้นที่มีการเปิดโรงครัวพระราชทาน เพื่อพระราชทานอาหารให้ผู้ประสบภัยทุกวัน ส่วนบัญชีที่เปิดรับบริจาคยอดรวมล่าสุด 16,317,632.50 บาท ด้านสาธารณสุขดำเนินการเยียวยาจิตใจ จำนวน 995 ราย พบภาวะเสี่ยง จำนวน 173 ราย โดยจะมีแพทย์และเจ้าหน้าที่รวมพูดคุยเพื่อประเมินอาการทุกวัน
ภาพร้านค้าในตลาดมูโนะที่เคยคึกคัก มีสินค้าขายมากมาย โดยเฉพาะสินค้าพรม ผ้าละหมาด จักรยาน ที่ผู้คนมักมาจับจ่ายซื้อกันที่ตลาดแห่งนี้ ในวันนี้ภาพที่เห็นตรงหน้าทุกอย่างโล่งไปหมด ไม่มีอาคารบ้านเรือนถูกแรงระเบิดพังเสียหายเกือบทั้งหมด ทุกพื้นที่ได้กลิ่นไหม้ของเศษดอกไม้ไฟ ประทัด ขณะที่บางหลังหนึ่งถึงแม้โครงสร้างจะแข็งแรง แต่กระเบื้องหลังคา กระจกแตกเสียหายทั้งหมด ไม่สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลบแดดหลบฝนได้
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตาม 2 พี่น้องเดินไปบ้านของตนเอง ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นที่อยู่อาศัยของทั้งครอบครัว มีทั้งหมด 10 คน รวมพ่อแม่ แต่ปัจจุบันมีเพียง 5 คนที่อาศัยอยู่ เนื่องจากอีก 5 คน แยกย้ายไปเรียนต่อและทำงาน
นายมูฮัมหมัดไซฟู แจมเช็ด สนทนากับน้องสาววัย 12 ปี พร้อมรอยยิ้มเพื่อหยอกล้อ ขณะเดินเพื่อจะเข้าบ้าน “บ้านเราจะเข้าทางไหนก็ได้ เข้าได้หมด” พร้อมชี้ให้ดูตัวบ้าน
บ้านหลังนี้เป็นบ้านเลขที่ 222/2 เป็นบ้านที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโกดังดอกไม้ไฟที่เกิดระเบิด ซึ่งเหลือแต่โครงสร้างบ้าน กระจก หลังคา ข้าวของเสียหายเกือบทั้งหมด นางสีตี แจมเช็ด มารดา กล่าวว่า ตอนนี้หากพูดถึงความช่วยเหลือ ชาวบ้านในพื้นที่มูโนะบอกได้ทันทีว่าขอบคุณทุกคน โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐ และประชาชนในพื้นที่ที่เข้ามาช่วยเหลือทันที แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก โหดร้ายกับทุกครอบครัว ยิ่งกับครอบครัวที่ญาติพี่น้องต้องสูญเสียด้วย ยากเกินทำใจ เพราะวันเกิดเหตุทุกคนใช้ชีวิตปกติ ทำมาค้าขาย ออกไปทำงาน ไม่ได้มีการเตรียมการเฝ้าระวังเหมือนกับเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่มูโนะในทุกๆ ครั้ง วันเกิดเหตุในบ้านอยู่กับลูกชาย ส่วนลูกสาวไปเรียนตาดีกา ลูกชายอีกคนไปกับพ่อ ซึ่งเอาของออกไปขายพอดี
บ้านเลขที่ 222/2 เปิดเป็นร้านขายอัญมณี เพชร พลอย พ่อจึงนำเพชรพลอยที่ลูกค้าสั่งออกไปส่ง ตนเองอยู่บ้านกับลูกชาย หลังเกิดเหตุวิ่งขึ้นชั้น 2 เพื่อไปหาลูกชายทันที ซึ่งทั้งตนเองและลูกได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่กล้าขยับไปไหน รอจนกว่าสามีเข้ามาช่วย แต่ใช้เวลานานกว่าจะเข้ามาช่วย เพราะขณะเกิดเหตุเจ้าหน้าที่กั้นไม่ให้เข้า เพราะบริเวณข้างในน่ากลัวมาก มีเสียงระเบิดเป็นระยะ ประกอบกับมีเพลิงไหม้กระจายโดยรอบ
นางสีตี เล่าให้ฟังว่า บ้านหลังนี้อาศัยอยู่กันในครอบครัว และเป็นร้านสำหรับค้าขาย อยู่กันมาแล้ว 12 ปี วินาทีที่เห็นกำแพงบ้านถล่มเหมือนใจสลาย แต่ลึกๆ แล้วยังโชคดีที่ไม่มีคนในครอบครัวต้องสูญเสีย ทุกอย่างค่อยสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลานาน เพราะทั้งหมดนี้ทั้งชีวิตที่เก็บกันมา ความเสียหายในส่วนของตัวบ้าน รวมถึงทรัพย์สินอย่างอื่นที่พังและหายไป น่าจะมีมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท
นางสีตี เล่าด้วยว่า รู้สึกโกรธเจ้าของโกดังทั้ง 2 มาก เพราะเป็นต้นเหตุสำคัญทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายนี้ขึ้น ที่ผ่านมาเห็นรถเข้าออกโกดังตลอด แต่ไม่เคยรู้เลยข้างในจะมีของไวไฟจำนวนมาก ทุกครั้งที่มีรถขนของเขาจะรีบปิดประตูทันที อยากจะบอกให้รีบมาดูแลชาวบ้าน มาดูความเสียหายที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง รวมถึงขอให้รอง ผบ.ตร. “บิ๊กโจ๊ก” เร่งติดตามคนผิดมาด้วย ทำตามที่พูดตั้งแต่ต้นมายังปลาย ส่วนจ่าฟาโร ที่ผ่านมาเคยเห็น คนในพื้นที่เคยเห็น ซึ่งต้องรอให้เจ้าหน้าที่สอบสวนขยายผล รอฟังผลเช่นกัน
ขณะที่ นางเจ๊ะลีเมาะ หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า ตนเองติดตามข่าวที่บิ๊กโจ๊กพูด อยากให้เคลียร์พื้นที่ทุกอย่าง เพื่อให้พื้นที่มูโนะไม่มีใครมาหาผลประโยชน์ได้
ด้านนายอันฟันดี กล่าวว่า บ้านของตนเองเสียหายทั้งหลังเหลือแต่ตอบ้าน บ้านหลังนี้ทุกคนมีความผูกพันอยู่ตั้งแต่รุ่นลูก รุ่นหลาน ถึงแม้ช่วงที่น้ำท่วมจะถูกน้ำท่วมขัง แต่เมื่อน้ำลดบ้านยังเป็นบ้านเหมือนเดิม ทุกคนเข้ามากินข้าว มานอนด้วยกันได้ แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ต้องอาศัยบ้านญาติ ลึกๆ อยากให้เอาผิดเจ้าของโกดัง เพราะเขาเองไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก บ้านมีหลายหลัง หาดใหญ่ก็มี แถมยังหนีไม่กลับมาดูเพื่อนบ้าน ซึ่งรู้จักกันทั้งนั้น ข่าวของบิ๊กโจ๊กก็ตาม ฟังอยู่จะดำเนินคดีกับทุกคน อยากให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ อยากให้มีผู้รับผิดชอบ
อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่มูโนะนั้น ผู้ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ไปอาศัยนอนบ้านญาติ แต่พอกลางวันจะมารวมตัวกันที่บ้านของตนเอง เพื่อเก็บของ และหาทรัพย์ที่ยังคงพอหลงเหลือ และใช้ได้อยู่