ข้าราชการบำนาญชาวตรังผันตัวปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะแพะนมสร้างรายได้นับแสนต่อปี

ตรัง - ข้าราชการบำนาญชาวตรังผันตัวเองมาเป็นเกษตรกร นำพื้นที่บ่อกุ้งร้างมาปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ สร้างรายได้ให้เดือนละกว่า 40,000 บาท โดยเฉพาะการเลี้ยงแพะนมที่สร้างรายได้ให้ปีละนับแสนบาท

นายประสาร ทุ่ยอ้น ข้าราชการบำนาญ วัย 75 ปี เจ้าของปฏิเวธฟาร์มสุข เกษตรกรหมู่ที่ 4 บ้านทุ่งรวงทอง ต.ท่าข้าม อปะเหลียน จ.ตรัง นำ นายวสันต์ สุขสุวรรณ เกษตรจังหวัดตรัง นายณัฐวุฒิ สังข์สุข นายอำเภอปะเหลียน เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอปะเหลียน เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอปะเหลียน และผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ดูการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงตามรอยเท้าพ่อ ซึ่งเข้าร่วมโครงการฟื้นฟูพื้นที่ที่ผ่านการเลี้ยงกุ้งกุลาดำ เนื้อที่รวม 15 ไร่ เนื่องจากดินที่ผ่านการเลี้ยงกุ้งกุลาดำจะมีสภาพเสื่อมโทรม ไม่เหมาะแก่การเพาะปลูก เพราะดินมีความเป็นกรดด่างสูง จึงได้ปรับปรุงฟื้นฟูดิน ทั้งการใช้โดไลไมท์มาแก้ และพัฒนามาทำการปศุสัตว์ร่วมด้วย เพื่อหวังให้มูลสัตว์ช่วยบำรุงดิน ทั้งการเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงโค เลี้ยงแพะ ปรากฏว่าทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้น


โดยได้แบ่งพื้นที่การทำประโยชน์ คือ ปลูกปาล์มน้ำมัน 10 ไร่ เลี้ยงไก่พันธุ์พื้นเมือง 50 ตัว เลี้ยงเป็ดไข่พันธุ์กากี 60 ตัว ออกไข่วันละ 50-55 ฟอง เลี้ยงเป็ดเทศ 20 ตัว เลี้ยงโค 8 ตัว แต่ที่น่าสนใจมากที่สุดคือ เลี้ยงแพะพันธุ์ลูกผสม 10 ตัว เลี้ยงแพะนมพันธุ์ ซาแนน 3 ตัว โดยรีดนมได้แล้ว 1 ตัว ได้น้ำนมประมาณ 4-5 กิโลกรัม/วัน และเลี้ยงแพะพันธุ์เอ็มจี 2 ตัว ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีปริมาณน้ำนมต่อตัวจะสูงกว่าสายพันธุ์ซาแนน และคาดว่าจะรีดนมได้ในปีหน้า

ส่วนของมูลวัว มูลแพะนำไปใช้ทำปุ๋ยบำรุงสวนปาล์มน้ำมัน สวนยางพารา และบรรจุกระสอบขายกระสอบละ 50 บาท รวมทั้งยังมีการปลูกพืชผักต่างๆ ตามฤดูกาล และขุดสระเลี้ยงปลา ทั้งปลากด ปลาหมอ นอกจากนั้น ยังมีการผันน้ำทะเลเข้าบ่อเลี้ยงกุ้งเดิม จึงทำให้ปัจจุบันนี้มีกุ้ง หอย ปู ปลาทะเลชนิดต่างๆ เข้ามาวางไข่ในร่องน้ำสวนปาล์มน้ำมันอย่างชุกชุม รวมทั้งปลาตูหนาทะเล เพื่อจับไปประกอบอาหาร


โดย นายประสาร ทุ่ยอ้น เจ้าของปฏิเวธฟาร์มสุข บอกว่า ได้พลิกฟื้นปรับปรุงที่ดินจากสภาพบ่อกุ้งร้างที่เสื่อมโทรม และมีค่ากรดด่าง (pH) เพียง 3.0 ด้วยวิธีการต่างๆ รวมทั้งเลี้ยงสัตว์หลายชนิดเพื่อเพิ่มมูลสัตว์ ทำให้ค่าความเป็นกรดด่างเพิ่มสูงขึ้นเป็น 7.0 ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ขึ้น เหมาะต่อการปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ จนสร้างรายได้ให้ทั้งระบบเดือนละประมาณ 40,000-45,000 บาท แต่ส่วนที่ทำรายได้ให้ฟาร์มสูงสุดคือ แพะนม ซึ่งเดิมจะเลี้ยงแพะนมพันธุ์ผสมทั่วไป แต่พบว่าให้น้ำนมน้อย โดย 1 ตัวจะให้น้ำนมได้เพียง 1 ลิตรต่อวัน และมีระยะเวลาให้นมประมาณ 5-6 เดือนเท่านั้น ตนจึงได้สั่งซื้อแพะนมพันธุ์ซาแนน ซึ่งนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส ที่เลี้ยงง่าย เติบโตดี และให้น้ำนมสูงถึง 1,200 ลิตรต่อปีต่อตัว

ทั้งนี้ เนื่องจากตนได้นำกากถั่วเหลืองที่ไปรับมาจากร้านขายน้ำเต้าหู้มาให้แพะกินเพื่อเพิ่มน้ำนม ขนาดตอนนี้รีดนมมา 14 เดือนแล้ว ก็ยังได้น้ำนมแพะสูงวันละ 4-5 ลิตร สามารถนำไปผลิตเป็นนมพาสเจอร์ไรซ์ ขายลิตรละ 110 บาท หรือนำไปบรรจุขวดได้ประมาณวันละ 30 ขวด โดยขายขวดละ 20 บาท ทำให้แพะนมของตนเพียง 1 ตัว จะสามารถสร้างรายได้ให้ไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อปี

ซึ่งผลผลิตน้ำนมแพะมีไม่พอต่อความต้องการของลูกค้า เพราะมีคุณค่าทางโภชนนาการสูง มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะต่อกระดูกและฟัน จึงเป็นทางเลือกให้แก่เกษตรกรที่สนใจอยากทำอาชีพเสริม ซึ่งผู้ที่สนใจปรึกษาหารือหรือศึกษาดูงาน ติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 08-2809-6870