ตรัง - นายแพทย์ สสจ.ตรัง ยันให้ความเป็นธรรมกรณี “น้องมีตังค์” เด็กหญิงวัย 3 ขวบเสียชีวิตหลังเข้ารักษาตัวที่ รพ.วังวิเศษ สั่งตั้งกรรมการสอบ-พิจารณาเยียวยาช่วยเหลือ แจง “น้องมีตังค์” เสียชีวิตจากถุงลมและปอดมีปัญหา หลังช็อกระหว่างส่งตัวไป รพ.ตรัง ยัน รพ.วังวิเศษทำตามขั้นตอน รับไม่มีหมอเด็กประจำ รพ.
จากกรณีพ่อแม่ขอความเป็นธรรมให้ลูกสาววัย 3 ขวบ หลังเข้ารักษาที่โรงพยาบาลวังวิเศษ จ.ตรัง กระทั่งมีไข้สูงชัก แต่โรงพยาบาลแห่งนี้ไม่ยอมส่งตัวต่อไปโรงพยาบาลตรัง ตามที่ร้องขอ จนกระทั่งอาการหนัก สุดท้ายเสียชีวิตหลังส่งตัวถึงโรงพยาบาลตรังนั้น
นพ.สินชัย รองเดช นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง (สสจ.) ชี้แจงว่า เรื่องนี้ ผอ.โรงพยาบาลวังวิเศษ ได้แจ้งมาว่า มีเด็กเพศหญิงเข้ารับการรักษา เมื่อวันที่ 16 ก.ค.66 และรีเฟอร์เข้า รพ.ตรัง วันที่ 19 ก.ค.66 รวม 4 วัน ก่อนเสียชีวิต โดยเฉพาะวันสุดท้าย 19 ก.ค. ช่วงบ่ายเด็กมีอาการหอบเหนื่อย ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดต่ำ จึงได้ปรึกษาไปที่กุมารแพทย์โรงพยาบาลห้วยยอด เพื่อให้ใช้ออกซิเจนไฮโฟร์ แต่พอให้ไปปรากฏว่า ปอดแฟบ ความอิ่มตัวของออกซิเจนไม่ขึ้น โรงพยาบาลวังวิเศษ จึงได้เอกซเรย์ปอดดู และรีเฟอร์เข้า รพ.ตรังเพื่อจะรักษา
“แต่ในระหว่างทางเด็กมีอาการช็อก ต้องปั๊มหัวใจ และได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา เนื่องจากมีภาวะนิวโมเนียวิดเออาร์ดีเอช (Pneumonia with ARDS) หรือปอดบวม และระบบทางเดินหายใจวิกฤตเฉียบพลันรุนแรง ซึ่งน่าจะเกิดจากถุงลมและเนื้อปอดมีปัญหา อย่างไรก็ตาม กรณีนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง ได้แต่งตั้งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ตั้งแต่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลวังวิเศษ จนถึงส่งโรงพยาบาลตรัง เพื่อหาความกระจ่าง โดยให้ นพ.สมเกียรติ พยุหเสนารักษ์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดตรัง เป็นประธานกรรมการ พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย”
ส่วนเรื่องมาตรฐานการให้บริการของโรงพยาบาลวังวิเศษ นายแพทย์สินชัย กล่าวว่า โรงพยาบาลได้ทำตามไกด์ไลน์ หรือรูปแบบการให้บริการที่เขียนไว้เป็นขั้นตอนชัดเจน ซึ่งมาตรการที่ทำเหมือนกันกับทุกโรงพยาบาล โดยเฉพาะที่โรงพยาบาลวังวิเศษ จะมีแพทย์อยู่ถึง 7 คน พร้อมแพทย์เวรอยู่ประจำ 24 ชั่วโมง เพื่อที่จะดูแลผู้ป่วย เพียงแค่ที่โรงพยาบาลวังวิเศษ จะไม่มีกุมารแพทย์ จะมีแต่แพทย์เจนเนเรอฟิสิกเชียล หรือแพทย์ทั่วไปเท่านั้น
กรณีนี้ โรงพยาบาลยืนยันว่าทำตามตามขั้นตอนแล้ว แต่ทางญาติบอกว่ามีข้อบกพร่อง ดังนั้น ตนในฐานะผู้บริหารต้องเข้าไปดูแลในเรื่องนี้ว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ลงไปเยี่ยมครอบครัวผู้สูญเสียที่งานศพ และจะมีการประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเกิดจากการบริการทางการแพทย์หรือไม่ ซึ่งถ้าเกิดจากการบริการทางการแพทย์ ก็ใช้เงินเยียวยาของกองทุนตามมาตรา 41 ได้ แต่ถ้าคณะกรรมการเห็นว่าไม่ได้เกิดจากการบริการทางการแพทย์ ญาติก็ยื่นอุทธรณ์ได้อีกหนึ่งครั้ง ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวจะทำให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ หรือภายในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
ด้าน พญ.ปณิดา เพชรรัตน์ ผอ.โรงพยาบาลวังวิเศษ บอกว่า โรงพยาบาลได้รักษาน้องอย่างเต็มที่ อย่างสุดความสามารถ อย่างดีที่สุดแล้ว จึงขอแสดงความเสียใจกับทางครอบครัวของน้องด้วย เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง
๐ พ่อแจ้งความเอาผิด รพ.แห่งหนึ่งหลังไม่ยอมส่งตัวลูกสาวไป รพ.ตรัง จนอาการหนักก่อนจะเสียชีวิต