ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หนุ่มรัสเซียคลั่งไล่ทุบ กรีดรถประชาชนในพื้นที่ ต.วิชิต จ.ภูเก็ต เสียหาย 4 คัน เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุ แต่คลั่งไม่หยุด ต้องใช้ปืนไฟฟ้ายิงสกัดสยบอาการคลุ้มคลั่งก่อนนำตัวส่ง รพ.
เมื่อเวลา 16.19 น. วันนี้ (21 ก.ค.) ตำรวจชุดเคลื่อนที่เร็ว สภ.วิชิต นำโดย พ.ต.ท.อนุรักษ์ ปริญญาสถิรกุล รอง ผกก.ป.สภ.วิชิต ว่าที่ พ.ต.ต.ยุทธพล พรมดาว
สว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต ปฏิบัติราชการ สภ.วิชิต เข้าควบคุมสถานการณ์หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ว่า ชายชาวต่างชาติมีอาการคลุ้มคลั่งเดินโวยวาย และทุบทำลายทรัพย์สินของประชาชนที่อยู่บริเวณหน้าคอนโดฯ หลังห้างดัง ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยชุดเคลื่อนที่เร็วนำกำลังกว่า 10 นาย พร้อมปืนไฟฟ้าและไม้ง่ามรุดไปตรวจสอบ
โดยผู้ก่อเหตุเป็นชายชาวต่างชาติรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อสีแดง นุ่งกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน เดินเอะอะโวยวาย ทุบและกรีดรถยนต์ของประชาชนที่จอดอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อและหน้าคอนโดฯ เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าปิดล้อมพื้นที่โดยชายชาวต่างชาติได้ถือที่เปิดฝาเครื่องดื่มวิ่งพุ่งใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถือโล่ป้องกันอยู่
จากนั้น ว่าที่ พ.ต.ต.ยุทธพล พรมดาว สว.(สอบสวน) สภ.เมืองภูเก็ต ปฏิบัติราชการ สภ.วิชิต เห็นท่าไม่ค่อยดี ตัดสินใจใช้ปืนไฟฟ้ายิงระงับเหตุ ทำให้ชายชาวต่างชาติดังกล่าวล้มทั้งยืน จากนั้นได้เข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ พร้อมกับนำตัวส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต
พ.ต.อ.ชาตรี ชูแก้ว ผกก.สภ.วิชิต เปิดเผยถึงสถานการณ์ดังกล่าวว่า ได้มีประชาชนแจ้งมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีชายชาวรัสเซีย อายุ 26 ปี มีอาการคลุ้มคลั่ง และทำลายรถยนต์ของประชาชน จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบและระงับเหตุ โดยชุดเคลื่อนที่เร็วใช้เวลาไปถึงที่เกิดเหตุเพียง 4 นาที พบชายชาวต่างชาติคนดังกล่าวอยู่ในอาการคลุ้มคลั่ง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและเข้าปฏิบัติการตามยุทธวิธีที่ได้รับการฝึกฝนมา จากนั้นได้มีการประเมินสถานการณ์เบื้องต้น ซึ่งพบว่าชายชาวต่างชาติมีที่เปิดขวดน้ำอัดลมเป็นอาวุธในการทุบทำลายรถของประชาชนจนได้รับความเสียหาย โดยไม่สามารถพูดคุยกันรู้เรื่อง จึงใช้ปืนไฟฟ้ายิงเข้าใส่ชายชาวต่างชาติคนดังกล่าว และได้ควบคุมตัวไปรักษาที่ รพ.วชิระภูเก็ต
เบื้องต้น ทราบว่าชายชาวต่างชาติดังกล่าวเป็นชาวรัสเซีย อายุ 26 ปี โดยมีรถยนต์ของประชาชนได้รับความเสียหายไป 4 คัน มีทั้งกระจกด้านหน้าแตกเนื่องจากถูกชาวรัสเชียกระโดดลงใส่หน้ารถ และที่เหลือถูกกรีด ซึ่งได้แนะนำให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
