ชุมพร - ตร. นำผู้ต้องหาฆ่า 4 ศพ ทำแผน พร้อมตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง สารภาพฆ่าจริงอ้างเพราะแค้นผู้ตายกรีดหน้ายางเสียหาย ส่วนคนงานพม่าลักขี้ยางไปขาย พบเสพติดกัญชาอย่างหนัก ขณะหนีไปถูกจับที่สุราษฎร์ธานี ยังพกบ้องกัญชาไปด้วย
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (18 ก.ค.) ที่ สภ.นาสัก อ.สวี จ.ชมพร พล.ต.ต.จารต ศรุตยาพร ผบก.ภ.จว.ชุมพร ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดีอุกฉกรรจ์ คนร้ายใช้อาวุธปืนยาวลูกซอง 5 นัด ยิงแรงงานชาวพม่าตาย 3 ศพ และคนไทยตาย 1 ศพ ในพื้นที่หมู่ 19 ต.นาสัก อ.เมือง จ.ชุมพร
และจับกุมนายประพันธ์ ผู้ต้องหาได้ขณะหลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมควบคุมตัวมาคุมขังที่ สภ.นาสัก เมื่อช่วงเย็นวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อสอบสวนดำเนินคดี โดยมี พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก พ.ต.ท.พนัส หมุนวงศ์ รอง ผกก.สอบสวน พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร รายงานสรุปคดี
จากนั้น พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร ผบก.ภ.จว.ชุมพร ได้นำตัวนายประพันธ์ นาคศิริ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่า 4 ศพ ออกมาจากห้องขังเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพบรรยากาศภายในห้องสอบสวนเล็กนอย ก่อนให้ออกจากห้องเพื่อสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม โดยใช้เวลานานประมาณ 30 นาที
โดยนายประพันธ์ ให้การสารภาพว่า ก่อนวันก่อเหตุ ได้ไปหาซื้อกระสุนปืนลูกซองจำนวน 10 นัด มาจากร้านแห่งหนึ่งใกล้กับตลาดเขาปีบ บ้านยางงาม ม.5 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร แล้วแวะซื้อน้ำมันดีเซล 40 บาท ใส่ในขวดน้ำขนาด 1 ลิตร หลังจากนั้นได้เดินทางมาซุ่มเฝ้าอยู่ในสวนยางของตนเอง จนประจวบเหมาะจึงเดินไปที่บ้านพักคนงาน ใช้อาวุธปืนที่นำมาจ่อยิงนายน้อง ชาวพม่า ซึ่งนอนอยู่บนแคร่หน้าบ้าน 1 นัด
แล้วเดินไปเปิดประตูยิงนายนาย ชาวพม่า ซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ในบ้านอีก 1 นัด หลังจากนั้นเดินออกไปสังเกตเห็นเชิงเขามีนายประยงค์ จอดรถยนต์กระบะต่อท่อประปาอยู่ จึงเดินลัดสวนซึ่งเป็นสวนตนเองลงมา จนถึงเชิงเขาห่างจากตัวนายประยงค์ เพียง 10 เมตร ซึ่งกำลังต่อท่ออยู่ จึงได้ยกอาวุธปืนยิงใส่ 2 นัด และเห็นนายขาว แรงงานต่างด้าวชาวพม่า ขับรถ จยย.มุ่งหน้าไปบ้านของชาวพม่าที่ถูกยิงตายก่อนแล้ว 2 ศพ จึงได้เดินขึ้นไปและนั่งดักรออยู่บนเนินริมทาง จนนายขาวขับรถ จยย.มาถึง จึงได้ลุกขึ้นมาและถามว่าจะไปไหน ซึ่งไม่ทันที่นายขาว จะพูดอะไร ตนได้ยิงใส่ไป 1 นัด แล้วนำน้ำมันดีเซลราดก่อนจุดไฟเผา
นายประพันธ์ กล่าวว่า หลังจากนั้นเดินไปบ้านของครอบครัวชาวมอญ แต่ไม่พบจึงได้ยิงหมา 1 นัดจนตาย แล้วเดินลงมาจากเขา และ หลบหนีไปที่ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนมาถูกจับดังกล่าว แต่นายประพันธ์ ได้ให้การปฏิเสธว่าตนไม่ได้ลักรถยนต์ของนายประยงค์ไป และยังยืนยันว่าการยิงในครั้งนี้เพราะความคับแค้นใจที่ถูกนายประยงค์ ใช้มีดกรีดหน้ายางจนหน้ายางเสียหาย และพวกพม่าเป็นพวกที่ลักขี้ยางของตนเองไปขาย จนทำให้ตนเองไม่มีรายได้จากพืชอาสินที่ตนเองมี
จากนั้น พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร ผบก.ภ.จว.ชุมพร กล่าวว่า หลังจากนี้จะนำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนนำชี้จุดเกิดเหตุ แต่บางจุดผู้ต้องหาไม่ประสงค์จะลงจากรถเพราะกลัวว่าจะถูกญาติพี่น้องฝ่ายคนตายรุมทำร้าย
เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นคนลงมือยิงทั้ง 4 ศพจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนขับรถยนต์นายประยงค์ สมนึก เจ้าของสวนยางพาราที่ถูกยิงตายไปประสบอุบัติเหตุที่ จ.สุราษฎร์ธานี ส่วนอาวุธปืนผู้ต้อหายังให้การวกวนยังไม่ทราบว่าทิ้งที่จุดใดแน่ ระหว่างพื้นที่เกิดเหตุใน จ.ชุมพร หรือระหว่างหลบหนีในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี แต่คาดว่าอาวุธปืนคงจะได้เร็วๆ นี้
พล.ต.ต.จารุต กล่าวว่า ส่วนรถยนต์ผู้ตายที่ผู้ต้องหาปฏิเสธว่าไม่ได้ขับประสบเหตุนั้น ทางตำรวจมีพยานหลักฐาน เป็นหลักฐานสำคัญในการออกหมายจับ ซึ่งผู้ต้องหารู้มากกว่าที่คิด ถือเป็นสิทธิของผู้ต้องหา ซึ่งเบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาไว้แล้วหลายข้อหา และจากการสอบปากคำเพิ่มจะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มอีกคือ มีการวางแผนไว้ก่อเหตุ เพราะผู้ต้องหาก่อนก่อเหตุได้มีการเตรียมการวางแผนไว้ 1 สัปดาห์ มีการไปซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากร้านชำในหมู่บ้านไว้ 1 ขวด และไปซื้อกระสุนปืนลูกซองจากร้านค้าในตลาดจำนวน 10 นัด เพื่อไว้ก่อเหตุ
พล.ต.ต.จารุต กล่าวว่า ส่วนสาเหตุผู้ต้องหาบอกว่าแค้นชาวพม่าที่ชอบไปลักขโมยขี้ยางในสวนของตนเอง และแรงงานชาวพม่าเป็นลูกน้องของสวนนายประยงค์ คนไทยคู่กรณีที่ถูกยิงตายด้วยเช่นกัน ซึ่งจากการตรวจหาสารเสพติดเบื้องต้นพบว่าเป็นสีม่วง ขณะนี้ได้ส่งไปตรวจแยกสารเสพติดว่าเป็นกัญชา ยาบ้า หรือชนิดใด เพราะผู้ต้องหาอ้างว่าหลังเปิดเสรีกัญชาตนเองเสพกัญชาทุกวันจนติดไม่สามารถเลิกได้
ซึ่งขณะจับกุมผู้ต้องหาได้ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ยังพกบ้องกัญชาติดตัวไว้ด้วย เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน 1.ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา 2.วางเพลิงเผาทรัพย์ 3.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ไนครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 4.พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 5.ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป