ตรัง - ชาวบ้านผมเด็น ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา ดินโคลนถล่มบ้านพังยับ และข้าวของเสียหายจำนวนมาก แจ้งหน่วยงานต่างๆ ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา ทุกข์หนัก ภรรยาช็อกเข้า รพ.
วานนี้ (9 ก.ค.) นายเฉลิมพร เพชรคง อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 170/1 หมู่ที่ 6 บ้านผมเด็น ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง พาผู้สื่อข่าวไปดูสภาพบ้านชั้นเดียวที่ถูกมวลน้ำและดินโคลนจากสันควนกุนไหลถล่มบ้าน ทำให้มีสภาพพังยับเยินทั้งหลัง ผนังปูนซีเมนต์แตกหลุดออกเป็นชิ้นๆ ประตู หน้าต่างถูกน้ำพัดจนหลุดออกกองระเนระนาด รวมทั้งยังมีน้ำขัง และมีก้อนหินน้อยใหญ่กองอยู่ภายในบ้าน สูงกว่าพื้นบ้านประมาณ 50 เซนติเมตร นอกจากนั้น ยังมีบ่อปลาเสียหายอีก 1 บ่อ ส่วนสภาพโดยรอบบ้านมีก้อนหินน้อยใหญ่ทับถมเป็นลานกว้าง และยังคงมีธารน้ำเล็กๆ ไหลลงมาตลอดเวลา ขณะที่สวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันถูกมวลน้ำและดินโคลนถล่มจนเสียหาย 3 ไร่
นายเฉลิมพร ได้ชี้ให้เห็นว่า บริเวณด้านบนที่ดินทำกินของตนมีสภาพเป็นหน้าผาชัน และมีร่องรอยของดินสไลด์ถล่มลงมาอย่างชัดเจน มีขนาดพื้นที่เกือบ 4 ไร่ โดยเมื่อปี 2565 เคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น แต่ไม่ได้รุนแรงนัก ส่วนถัดลงมาจากที่ดินเดิม มีบ้านเรือนของชาวบ้านที่ปลูกไว้เพื่อใช้พักดูแลสวนยางพาราที่อยู่ละแวกนี้ แต่ถูกมวลน้ำและดินโคลนถล่มจนเจ้าของไม่กล้ามาอยู่และทิ้งร้างไว้ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุครั้งล่าสุดตนได้ไปแจ้งเรื่องกับผู้ใหญ่บ้าน อบต.ไม้ฝาด และที่ทำการปกครองอำเภอสิเกา ตามลำดับ เพื่อหวังจะได้รับการช่วยเหลือเยียวยา แต่เหตุการณ์ผ่านมา 1 สัปดาห์แล้วยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาตรวจสอบ หรือให้การช่วยเหลือ
นายเฉลิมพร กล่าวว่า ที่ดินแปลงนี้มีเอกสาร ภ.ทบ.5 และสมุดทะเบียนเกษตรกร หรือสมุดเล่มเขียว ซึ่งตนครอบครองและทำกินมา 20 ปีแล้ว แต่เพิ่งจะสร้างบ้านอยู่อาศัยมา 10 ปี โดยเหตุการณ์มวลน้ำและดินโคลนถล่มในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา เวลา 07.00 น. ขณะที่ตนได้ออกไปบ้านแม่แค่ 1 ชั่วโมง แต่เมื่อกลับมาถึงกับเข่าทรุด ส่วนภรรยาช็อกหมดสติ ต้องเข้ารักษาตัวที่ รพ.สิเกา เพราะมีภาวะเครียดและซึมเศร้า หลังจากที่พบว่าบ้านเสียหายหมดทั้งหลังจากภัยธรรมชาติ ส่วนข้าวของเครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ทำการเกษตรยังเสียหายอีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งสวนยางพารากว่า 100 ต้น และสวนปาล์มน้ำมัน 30-40 ต้น ทำให้ตอนนี้ตนเองและครอบครัว คือ ภรรยา และลูก 2 คน ต้องอพยพไปอยู่ที่บ้านแม่ภรรยาเป็นการชั่วคราว
“หลังจากนี้ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ไม่มีเงินสร้างบ้านหลังใหม่ เพราะมีภาระหนี้สิน และต้องส่งเสียลูกเรียน โดยบ้านหลังนี้สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรง ใช้เงินไปเกือบ 1 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้วมีดินโคลนถล่มลงมา แต่ไม่ถึงบ้านอย่างครั้งนี้ จึงขอวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ เพราะรอมา 1 สัปดาห์แล้วยังไม่ทราบความชัดเจนจากหน่วยงานใดเลย บอกให้รออย่างเดียว” นายเฉลิมพร กล่าวทั้งน้ำตา