นครศรีธรรมราช - ชาววังหีบเครียดพบหลักหมุดปริศนาโผล่ หวั่นเป็นหมุดพิกัดการสร้างเขื่อน บุกจี้ชลประทานชี้แจง ท้ายสุดโล่งเป็นหมุดเตรียมซ่อมสร้าง 13 ฝาย เผยก่อนหน้ามี จนท.เคยยกพลบุกหมายปักหมุดแนวสร้างเขื่อน
วันนี้ (6 ก.ค.) ชาวบ้านชุมชนวังหีบ ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จำนวนนับ 10 คน ได้ร่วมกันเดินทางไปที่สำนักงานชั่วคราว สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 15 ซึ่งตั้งอยู่ที่หัวงานโครงการคลองเลี่ยงเมืองนครศรีธรรมราช หมู่ 2 ต.ท่าเรือ อ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อสอบถามการเข้าไปติดตั้งหลักหมุด และการสร้างที่หมายหมุดหลักฐาน ในพื้นที่ที่ชาวบ้านได้ระมัดระวังไม่ให้มีการก่อสร้างเขื่อนวังหีบ หลังจากที่เกิดความตึงเครียดช่วงเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากสำนักก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 15 ได้ระดมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และทหารเข้าพื้นที่เพื่อกดดันชาวบ้าน และพยายามส่งเจ้าหน้าที่เข้าติดตั้งหมุดหลักฐาน ทำให้ชาวบ้านเกิดความวิตกกังวลและเฝ้าระวังพื้นที่มากขึ้น โดยต่างยืนยันว่าไม่ต้องการโครงการนี้ และพร้อมปกป้องพื้นที่อย่างเต็มกำลัง
โดยกลุ่มชาวบ้านได้บันทึกภาพและนำมาสอบถามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แต่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการระบุว่า เป็นหมุดของชลประทาน แต่ขอประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบที่มาของหมุดดังกล่าว ต่อมา นายพิทักษ์พงษ์ ติ๊บแก้ว ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครศรีธรรมราช ได้เดินทางมาเพื่อชี้แจงถึงหมุดดังกล่าว โดยกล่าวว่า หลักหมุดนี้เป็นหมุดของชลประทาน ดำเนินการโดยโครงการชลประทานนครศรีธรรมราช ตามข้อเรียกร้องของชาวบ้าน คือ การซ่อมหรือสร้างฝายที่ชาวบ้านต้องการ จำนวน 13 ตัว ในสายน้ำเดียวกัน
หลังชาวบ้านได้ฟังคำชี้แจงผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครศรีธรรมราช ทำให้ชาวบ้านมีท่าทีผ่อนคลายและระบุว่า หากเป็นการก่อสร้างฝายทดแทนของเดิมที่ชำรุดนั้น ชาวบ้านต่างสนับสนุนและยืนยันมาแต่ต้นว่าต้องการฝายในพื้นที่ แต่ไม่ต้องการเขื่อนขนาดใหญ่ แต่กังวลว่าจะรุกเข้าไปในพื้นที่ใจกลางชุมชน ซึ่งผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครศรีธรรมราช ยืนยันว่าเป็นคนละส่วนและไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด ทำให้บรรยากาศโดยรวมเป็นไปอย่างเรียบร้อยและเป็นการสร้างความเข้าใจเป็นไปด้วยดี
แต่หลังจากนั้นปรากฏว่า นายชูศักดิ์ สุทธิ ผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 15 ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปยังชุมชนวังหีบ ได้เดินทางมาถึงและเดินเข้ามาในห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนขึ้นไปนั่งสอบถามข้อมูลการเดินทางมาของชาวบ้านด้วยบรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด และอ้างว่าต่างคนต่างทำหน้าที่ ในส่วนของราชการต้องทำไปเมื่อย้ายไปคนอื่นก็ทำต่อ ชาวบ้านต้องทำหน้าที่ตัวเองไป
ซึ่งฝ่ายชาวบ้านได้ตอบว่าหน้าที่ชาวบ้านทำคือปกป้องถิ่นฐานที่ดินของตัวเองและกำลังทำอยู่ และระบุถึงการยกกำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปเป็นการผิดคำพูด ทั้งยังย้อนมาหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นหรือมีการชกต่อยกันขึ้นในวันนั้นใครจะรับผิดชอบ ก่อนที่บรรยากาศจะตึงเครียดมากขึ้น เจ้าหน้าที่ได้ตัดบทให้ชาวบ้านยื่นหนังสือ ซึ่งชาวบ้านได้ยื่นและขอให้ตอบลงรับเพื่อไปแจ้งกลุ่มชาวบ้าน แต่กลับได้รับคำตอบว่าให้ตอบว่าอย่างไร ต้องอ่านก่อน แต่ชาวบ้านเพียงแค่ต้องการว่าส่วนราชการได้รับหนังสือไว้แล้วเท่านั้น บรรยากาศยิ่งตึงเครียด
ต่อมา เกิดการปะทะคำพูดอีกครั้ง โดยผู้อำนวยการสำนักก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ 15 ระบุในทำนองว่าไม่มีใครกลัวใคร ผมก็เป็นคนพิปูน ทั้งฝ่ายชาวบ้านถูกระบุว่าเดินทางมาข่มขู่คุกคาม จนบรรยากาศเริ่มตึงเครียด แต่ท้ายที่สุดชาวบ้านเป็นฝ่ายควบคุมอารมณ์ได้และเดินออกจากห้องประชุม
