ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ รุดเยี่ยมหญิงสาวที่ถูกเจ้าหน้าที่มาร์แชลกับภรรยารุมทำร้าย และทุบตีด้วยเหล็กติ้วจนน่วม หน้าผากแตก หัวแตก เย็บรวม 12 เข็ม ลั่นพร้อมให้ความเป็นธรรม สั่งตั้งกรรมการสอบสวนภายใน 7 วัน
จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปภาพเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่มาร์แชล เทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน รวมทั้งแฟนสาวที่เป็นเจ้าของร้านเสริมสวยและต่อขนตา มีการทะเลาะวิวาท และทำร้ายร่างกาย ทั้งการรุมทุบตี และใช้เหล็กติ้วที่เป็นกระบองเหล็กยืดหดได้สำหรับระงับเหตุของเจ้าหน้าที่ ทุบตีทำร้ายร่างกายหญิงสาวภายในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งในย่านชุมชนทุ่งเสา เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับบาดเจ็บจนเลือดอาบ และเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะการกระทำของเจ้าหน้าที่ต่อประชาชน รวมถึงพาดพิงไปยังผู้บริหาร และทางเทศบาลนครหาดใหญ่ด้วยนั้น
ล่าสุด เกี่ยวกับเรื่องนี้ทาง พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ พร้อมด้วย นายมานพ เพ็งชุม เลขานุการนายกเทศมนตรี และนายจตุพร ศรีเฉลิม สมาชิกสภาเทศบาลเขต 1 รวมทั้งหัวหน้าส่วนการงาน ได้เดินทางไปบ้านพักของ น.ส.สุนิษา มิรัมย์ หรือมายด์ อายุ 25 ปี ในย่านซอย 2 จุฑากาญจน์ ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ปรากฏอยู่ในคลิปที่ถูกเจ้าหน้าที่มาร์แชล เทศบาลนครหาดใหญ่ และแฟนสาวที่เป็นเจ้าของร้านเสริมสวยรุมทำร้ายภายในร้าน พร้อมกับมอบกระเช้าแสดงความปรารถนาดี และความห่วงใยต่อผู้ได้รับบาดเจ็บ และครอบครัวที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น
จากการสอบถาม น.ส.สุนิษา หรือมายด์ ผู้ได้รับบาดเจ็บบอกว่า ตนเองทำงานเป็นลูกจ้างอยูที่ร้านเสริมสวยและรับต่อขนตาดังกล่าวได้ราว 4 เดือน ได้รับค่าจ้างเป็นรายวันตามแต่ลักษณะงาน โดยวันเกิดเหตุเมื่อช่วงประมาณ 3 ทุ่ม วันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้ชวนเพื่อนหญิงอีก 3 คน ไปทวงเงินค่าจ้างที่เจ้าของร้านคือ น.ส.เนตรชนก หรือแอน อายุ 26 ปี ซึ่งค้างจ่ายอยู่เป็นเงินมากกว่า 5,000 บาท เพราะจะเอาไปเป็นค่าหมอค่ายาลูกชายวัย 3 ขวบที่ป่วย โดยตนเข้าไปในร้านเพียงคนเดียว ส่วนเพื่อนอีก 3 คนรออยู่ข้างนอก โดยเงินที่ค้างได้ทวงถามหลายครั้งผ่านทางแชต แต่ไม่ได้จึงมาทวงที่ร้าน
ซึ่งตอนนั้นสาวเจ้าของร้านอยู่เพียงคนเดียว และเหมือนจะคุยกันรู้เรื่อง ไม่ได้มีเหตุการณ์รุนแรง แต่หลังจากนั้นเมื่อสามีที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่มาร์แชล เทศบาลนครหาดใหญ่ กลับมาที่ร้าน ปรากฏว่าสักครู่ก็เกิดมีปากเสียงกันกับตน และกลายเป็นเหตุการณ์ชุลมุนรุมทำร้ายทุบตีกันขึ้นตามที่ปรากฏอยู่ในคลิป
โดยตนได้รับบาดเจ็บทั้งถูกชก ต่อย ทุบตี หลายแห่งตามร่างกาย และยังถูกตีด้วยเหล็กติ้วจนเลือดอาบ โดยที่หน้าผากเย็บ 6 เข็ม และบนศีรษะอีก 6 เข็ม และถึงตอนนี้ยังมีอาการมึนศีรษะ และมีแผลฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง ส่วนเพื่อน 2 คนที่พยายามจะถ่ายคลิปเอาไว้ยังถูกทุบที่ข้อมือ และบริเวณอกด้วย ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป และตนได้เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ในช่วงดึกคืนนั้น ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนทางฝั่งคู่กรณีทราบว่าแจ้งความตนในข้อหาบุกรุก และทำร้ายร่างกายด้วยเช่นกัน
ทางผู้เสียหายยังบอกด้วยว่า ตนไม่ได้มีนิสัยลักขโมย หรือต้องการค่านายหน้าต่อขนตาอย่างที่ทางเจ้าของร้านให้สัมภาษณ์ออกบางสื่อ และอยากบอกด้วยว่า การใช้อารมณ์หรือความรุนแรงไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อใครเลย ควรใช้สติให้มากกว่านี้ก่อนจะทำอะไร และเหตุการณ์นี้หากตนได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือถึงขึ้นพิการขึ้นมา ครอบครัวและลูกจะอยู่อย่างไร
ด้าน พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ซึ่งตนและทางเทศบาลจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการดำเนินคดีใดๆ ทั้งสิ้น และให้ทางพนักสอนสวนดำเนินการไปตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยไม่มีข้อยกเว้น ผิดก็ว่าไปตามผิด
พร้อมกันนี้ ในส่วนของเทศบาลได้ตั้งคณะกรรมการสั่งสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน 7 วัน หากผิดจริงจะต้องทำการยกเลิกสัญญาจ้างจากการเป็นเจ้าหน้าที่มาร์แชล เทศบาลนครหาดใหญ่ ตามระเบียบที่กำหนดไว้ และในฐานะที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียหาย และขอโทษประชาชนที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้
สำหรับในส่วนของคดีนั้น ล่าสุด ทราบว่าทางพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ได้เรียกตัวหญิงสาวผู้เสียหายไปสอบปากคำแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา และในวันที่ 4 ก.ค. ได้มีการออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่มาร์แชล เทศบาลนครหาดใหญ่ และภรรยาเจ้าของร้านเสริมสวยและต่อขนตา เข้าให้ปากคำ เพื่อสอบสวนและดำเนินการในทางคดีต่อไป
ทั้งนี้ ในส่วนของเจ้าหน้าที่มาร์แชล เทศบาลนครหาดใหญ่นั้น จัดเป็นเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน โดยรับเข้าทำงานในลักษณะเป็นสัญญาจ้าง 6 เดือน ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 60 คน โดยมีหน้าที่ในการช่วยหลือเจ้าพนักงาน เช่น การอำนวยความสะดวกด้านการจราจร การดูแลความปลอดภัยสถานที่การจัดงานต่างๆ หรือแล้วแต่ได้รับมอบหมายจากทางผู้บังคับบัญชา และมีบางส่วนที่ได้รับการฝึกพิเศษออกปฏิบัติงานร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย