xs
xsm
sm
md
lg

ตร.รวบแก๊งขายรถมือสองสวมซากทะเบียนคาเต็นท์ พบเตรียมขาย 6.9 แสน ผู้ซื้อหวิดซวยด้วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครศรีธรรมราช - ตร.นครศรีธรรมราชรวบแก๊งขายรถสวมซากทะเบียนรถอุบัติเหตุคาเต็นท์รถ จ่อเตรียมขาย 6.9 แสนบาท ผู้ซื้อหวิดซวยหลวมตัวจ่ายเงิน เตือนซื้อรถมือสองต้องเช็กความถูกต้องทางทะเบียนกับสำนักงานขนส่งทางบก

วันนี้ (5 ก.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช นำรถยนต์ของกลาง จำนวน 2 คัน ซึ่งถือเป็นรถเถื่อนเข้ามาตรวจสอบและแถลงเตือนภัยการซื้อรถยนต์มือสอง หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถ กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เข้าทำการยึดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อนิสสัน ซิลฟี่ สีดำ


โดยมีผู้ต้องหาคือ นายธีรภัทร พละบุญ อายุ 43 ปี ชาวหมู่ 5 ต.พรหมโลก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช โดยรถยนต์คันดังกล่าวติดแผ่นป้ายทะเบียน 4 กง 6669 กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ตรวจสอบแล้วเป็นแผ่นป้ายทะเบียนปลอม แผ่นป้ายการแสดงการเสียภาษีประจำปีปลอม โดยทะเบียนนี้ไปตรงกับรถยนต์อีกคันที่อยู่ในจังหวัดแถบภาคอีสาน ซึ่งเจ้าของไม่รู้ว่ามีการปลอมแผ่นป้าย

ส่วนรถยนต์อีกคันคือ ฮอนด้าซีวิค สีขาว สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียน 5 กม 7690 กรุงเทพมหานคร ซึ่งพบว่าทะเบียนนี้เป็นรถที่ประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรงจนไม่สามารถซ่อมได้แล้ว แต่มีการนำเอาทะเบียนและเลขที่เกี่ยวข้องมาสวมเป็นรถคันนี้แทน ถือเป็นรถยนต์ที่มีไว้หรือได้มามิชอบด้วยกฎหมาย


โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจยึดในเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสองรายหนึ่ง ซึ่งกำลังประกาศขายในราคา 6.9 แสนบาท และได้มีผู้ตัดสินใจซื้อและเตรียมชำระเงิน แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดไว้ได้ก่อน ทำให้ผู้ซื้อรอดจากการซื้อรถผิดกฎหมายอย่างหวุดหวิด โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวนและสืบสวนขยายผลการได้มาของผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองเพื่อดำเนินคดีทั้งขบวนการ

พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาการปลอมและใช้เอกสารปลอม ขณะนี้ได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีพร้อมรถยนต์ของกลางคันนี้ และขอแจ้งเตือนผู้ที่ซื้อรถยนต์มือสองจะต้องตรวจสอบรายละเอียดทางทะเบียนกับสำนักงานขนส่งทางบก รวมทั้งจะต้องมั่นใจการซื้อผู้ขายที่มีคุณภาพและได้รับความไว้วางใจ และควรหลีกเลี่ยงการซื้อขายออนไลน์ผ่านระบบโซเชียลมีเดียต่างๆ ที่เป็นช่องทางให้ผู้กระทำผิดหลอกลวงได้ ส่วนการขยายผลขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังดำเนินการต่อเนื่อง




กำลังโหลดความคิดเห็น