xs
xsm
sm
md
lg

ผอ.รพ.นราฯ แจงกรณีพ่อแม่โวยตัดเท้าลูกสาว 1 เดือน 10 วัน หลังเข้ารักษาอาการท้องเสีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผอ.โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ชี้แจงพ่อแม่ร้องขอความเป็นธรรม กรณีลูกสาวอายุ 1 เดือน 10 วันท้องเสีย ส่งมารักษาที่โรงพยาบาล สุดท้ายถูกตัดเท้าขวา

กรณีที่มีพ่อแม่ร้องขอความเป็นธรรม ลูกอายุ 1 เดือนกว่าท้องเสีย ต้องเข้าโรงพยาบาล สุดท้ายถูกตัดเท้า ผ่านเพจ “โหนกระแส” เมื่อวันที่ 3 ก.ค.66 ที่ติดใจเรื่องการรักษา ว่าทำไมรักษาแล้วกลายเป็นว่าลูกต้องตัดเท้า อยากให้โรงพยาบาลออกมาชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจนนั้น จนทราบว่าเรื่องราวดังกล่าวได้เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ โดยเด็กหญิงรายดังกล่าวที่ถูกตัดเท้าด้านขวาคือ ด.ญ.นาตาชา ยะโก๊ะ อายุ 1 เดือน 10 วัน

ล่าสุด วันนี้ (3 ก.ค.) ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส นพ.พรประสิทธิ์ จันทระ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ น.ส.กฤตยา แดงสุวรรณ หัวหน้าพยาบาล และ พญ.นูเรีย พัฒนปรีชาวงศ์ แพทย์ชำนาญการพิเศษด้านกุมารเวชกรรม ได้ร่วมชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

โดย นพ.พรประสิทธิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวว่า พ่อแม่เด็กพาลูกไปรักษาที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.66 ด้วยอาการท้องเสีย แต่อาการไม่ดีขึ้น จนวันที่ 24 มิ.ย.66 ทางโรงพยาบาลจะส่งเด็กไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพราะเด็กเลือดเป็นกรด ต้องทำการเจาะเลือด แต่เด็กตัวเล็กมากไม่สามารถเจาะได้ เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่มีผู้เชี่ยวชาญ และได้ปรึกษากับพ่อแม่เด็ก แต่พ่อแม่เด็กตัดสินใจจะส่งรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่ จ.นราธิวาส

แต่หลังจากออกจากโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ พ่อแม่ไม่ได้นำลูกเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชน แต่นำกลับมานอนพักที่บ้าน 1 คืน และในวันที่ 26 มิ.ย.66 พ่อแม่เด็กได้พาเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนที่แจ้งไว้ แต่หมอไม่สามารถที่จะรักษาเด็กได้ เนื่องจากไม่สามารถเจาะเลือดเด็กได้เช่นกัน จึงได้ส่งตัวเด็กมารักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์อีกครั้ง ถ้าไม่เจาะจะขาดน้ำและเสียชีวิตได้


จนวันที่ 27 มิ.ย.66 ทางโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ส่งตัวเด็กไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาลยะลา เพราะว่าเส้นเลือดดำใหญ่เริ่มตีบ เมื่อเจาะเสร็จทางโรงพยาบาลยะลา ได้ส่งเด็กกลับมารักษาต่อที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ดังเดิม และในวันที่ 29 มิ.ย.66 ทางโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ปรึกษาพ่อแม่จะส่งตัวเด็กไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เนื่องจากเท้าเด็กเริ่มมีสีดำคล้ำ แต่พ่อแม่ตัดสินใจไม่ได้ต้องเสียเวลาไป 1 วัน จนวันที่ 30 มิ.ย.66 พ่อแม่ตัดสินใจให้ส่งลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ตามคำแนะนำของหมอ เนื่องจากทางโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมเส้นเลือดเฉพาะทาง จนแพทย์พบเด็กจึงแจ้งพ่อแม่จำเป็นต้องตัดเท้าด้านขวาเพื่อรักษาชีวิตเด็กไว้

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในส่วนของเด็กสุดท้ายก็ต้องมาดูแลต่อเรื่องการฟื้นฟู ทางโรงพยาบาลจะดูแลเต็มที่ ในส่วนของการเยียวยาก็เป็นไปตามขั้นตอนของสิทธิทุกประการ ทางโรงพยาบาลเองเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น เราจะทบทวนต้นตอ จุดอะไรที่เราจะปรับปรุงได้บ้างที่จะไม่ให้มีเหตุเกิดขึ้นอีก ซึ่งขั้นตอนนี้เราดำเนินการแล้ว ถึงแม้ว่าจะดีแล้ว แต่จะทำให้สมบูรณ์กว่านี้ ส่วนแผนการระยะยาว เราจะสร้างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ครบทุกๆ ด้านเพื่อชาวนราธิวาส

ด้าน น.ส.กฤตยา แดงสุวรรณ หัวหน้าพยาบาล กล่าวว่า พ่อแม่เด็กคงสงสัยว่าเด็กทำไมเจาะเลือดบ่อยจัง อย่างที่ผู้อำนวยการเรียนให้ทราบว่า เด็กมีภาวะเลือดเป็นกรด ในการแก้เลือดเป็นกรดหมอต้องให้ยา และการคำนวณปริมาณยา ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับผลตรวจเลือด เด็กพวกนี้จะถูกเจาะเลือดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อให้หมอคำนวณยาให้ถูกต้อง เพราะฉะนั้นวันละ 2 ครั้งในสายตาพ่อแม่ ไหนเวลาจะแทงน้ำเกลือเส้นเลือดมันแตก เพราะเด็กเส้นเล็กมาก เด็กคนนี้เพียง 2,400 กรัม ตัวเล็กมาก เล็กกว่าเด็กปกติ เพราะฉะนั้นเมื่อให้เลือดไปนาน เส้นเลือดมันเสีย แล้วที่ต้องแทงบ่อย ที่บ่อยกว่านั้นต้องเจาะเลือดเด็กไปตรวจ หลายอย่างมากเพราะหมอต้องใช้ผลเลือดเป็นตัวมาคำนวณยา เท่าไรถึงจะเหมาะสม ไม่มากไม่น้อยเกินไป นี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่แม่เข้าใจว่าทำไมเจาะกันบ่อย มันเป็นกระบวนการรักษาในเด็กที่มีอาการค่อนข้างมากที่หมอต้องดูผลเลือกประกอบในหลายๆ ตัว เด็กคนนี้ทางเราต้องดูผลเลือดบ่อยมากวันละ 2 ครั้ง ซึ่งในเด็กเล็กๆ แม่เข้าใจว่าที่นั่งดูอยู่ก็คงรู้สึก ทุกๆ ครั้งเราจะอธิบายคุณแม่แล้ว


ส่วนความคืบหน้าทางคดี ญาติโวยไม่คืบนั้น จากการเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.โสรจ ชนะพันธ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาส ได้รับการชี้แจงว่า ในเรื่องดังกล่าว นางอังคณา ดอนิ อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10/2 หมู่ 5 ต.มะนังตายอ อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของแม่เด็ก ได้เดินทางมาลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานแทนพ่อแม่เด็ก เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.66 เพื่อร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งไปยังโรงพยาบาลให้รับทราบ คือเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.66 ด.ญ.นาตาชา ยะโก๊ะ อายุ 1 เดือน 10 วัน ได้เข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ด้วยอาการท้องเสีย พยาบาลได้พาเด็กไปเจาะเลือดหลายแห่ง ทั้งแขนขา แต่ไม่สามารถเจาะได้ จนวันที่ 26 มิ.ย.66 ทางโรงพยาบาลได้ส่งตัวเด็กไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาลยะลา เมื่อเจาะแล้วเสร็จได้ส่งตัวเด็กกลับ ต่อมาเมื่อเด็กนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสประมาณ 4-5 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 30 มิ.ย.66 พบว่าเท้าของเด็กด้าน มีสีดำ พ่อแม่เลยขอให้หมอโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ส่งเด็กไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หมอวินิจฉัยว่าต้องตัดขาด่วน

“ส่วนที่บอกว่าคดีไม่คืบหน้านั้น ตนได้ประสานไปยังพ่อแม่เด็กแล้ว แต่พ่อแม่ไม่สะดวกที่จะมาให้ปากคำ เพราะต้องดูแลอาการบุตรที่นอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และตนได้ประสานไปยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เพื่อขอใบการชันสูตรโรคทั้ง 2 แห่ง และทางโรงพยาบาลได้ส่งมาให้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ มันเป็นหลักฐานทางคดี ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงสอบปากคำพ่อแม่เด็ก ก่อนที่จะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง มาให้ปากคำเพื่อรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนที่จะดำเนินการขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป” ร.ต.อ.โสรจ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น