ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สุดประทับใจ! เรื่องเล่ารถไฟขบวน 451 ถึงสุไหลโก-ลก พาชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กลับบ้านทันรายอทุกคน จากการให้บริการด้วยหัวใจของคนรถไฟ
ไปดูเรื่องเล่าที่มาจากเรื่องจริง ที่สร้างความประทับใจให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการให้บริการด้วยหัวใจของคนรถไฟ ที่พาพี่น้องชาวไทยมุสลิมถึงสถานีปลายทาง และกลับถึงบ้านทันเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรอยอทุกคน เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีพี่น้องชาวไทยมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางกลับบ้านเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลฮารีรายอกับครอบครัว ในวันที่ 29 มิ.ย.จำนวนมาก
เมื่อเกิดเหตุขบวน 451 ดีเซล นครศรีธรรมราช-สุไหงโก-ลกชำรุด ทำให้ล่าช้า 150 นาที ซึ่งตามข้อตกลง ขบวนนี้เมื่อเดินทางถึงปลายทางสถานีสุไหงโก-ลก จะทำขบวนเป็น 454 สุไหงโก-ลก-ยะลา จะต้องออกจากสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก ไม่เกินเวลา 16.30 น. ตามเวลาที่เป็นข้อตกลงร่วมกันของการรถไฟแห่งประเทศไทย กับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง เพราะหากล่าช้าจะมีผลในเรื่องของความปลอดภัย จึงมีการออกเอกสารด่วนที่สุด เพื่อแจ้งว่าขบวน 451 สุไหงโก-ลก-ยะลา จะสิ้นสุดปลายทางแค่สถานีรถไฟยะลาเท่านั้น โดยไปไม่ถึงปลายทางที่สถานีสุไหงโก-ลก เช่นเดียวกับผู้โดยสารที่รออยู่ที่สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จะไม่สามารถนั่งรถไฟขบวนสุดท้ายของวันนั้นกลับไปที่ยะลาได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่อาจจะเดินทางกลับบ้านไม่ทันในวันรายอ
แต่ว่าเรื่องนี้ทันทีที่เป็นปัญหา นายรอยือมี มะรอเซะ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้สั่งการให้ นายประชานิวัฒน์ บัวศรี หัวหน้างาน 2 ศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที ตั้งแต่โทร.ประสานพนักงานขับรถขบวน 451 นายรัชนิกร รอดผล ที่ต้องขับจากนครศรีธรรมราช ปลายทางสุไหงโก-ลก ให้ช่วยทำเวลาเพื่อให้ถึงสถานีรถไฟสุไหงโก-ลกโดยเร็วที่สุด ประสานฝ่ายควบคุมการเดินรถ ช่วยดันขบวนนี้ให้สามารถเดินทางได้เร็วที่สุด โดยให้ขบวนอื่นหลีกทางให้ก่อน ประสานฝ่ายความมั่นคงเพื่อให้ช่วยสนับสนุนการรักษาความปลอดภัย หากต้องเดินรถนอกเหนือจากเวลาที่กำหนด
ส่วนโทรเลขการแจ้งยกเลิกการเดินรถขบวน 451 ปลายทางสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก ซึ่งออกเมื่อเวลา 10.30 น. มีการโทรเลขยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และเปิดเดินรถขบวน 451 ไปถึงสุไหงโก-ลก ในเวลา 13.15 น. ด้วยข้อความที่ระบุว่า “เพื่อช่วยการโดยสารในช่วงเทศกาลฮารีรายออิฎิ้ลอัดฮา ฮิจเราะห์ศักราช 1444 ให้ประชาชนผู้เดินทางโดยรถไฟในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และตามที่ประสานกับผู้เกี่ยวข้อง ฉะนั้น จึงยกเลิก ท.กคร.4 เลขที่ 8 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2566 เสียทั้งสิ้น”
หลังจากนั้นรถไฟขบวน 451 จึงเดินรถมาส่งผู้โดยสารปลายทางสถานีรถไฟสุไหงโก-ลกได้ตามเวลา อีกทั้งได้ประสานนายอาทิตย์ มากมี พนักงานขับรถขบวน 454 ให้เร่งทำเวลาเพื่อให้ทันต่อข้อกำหนดด้านความปลอดภัย รถไฟขบวน 454 สุไหงโก-ลก-ยะลา จึงได้ออกก่อนเวลาถึง 2 นาที ทำให้ผู้โดยสารทุกคนสามารถเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทาง เพื่อเตรียมเฉลิมฉลองในเทศกาลฮารีรายอได้โดยสวัสดิภาพ
นายประชานิวัฒน์ บัวศรี หัวหน้างาน 2 ศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มอบนโยบายให้พนักงานรถไฟให้บริการประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สุดความสามารถ เพื่ออำนวยความสะดวก และลดความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญๆ
ที่ชัดเจนที่สุดคือ การเพิ่มตู้รถไฟในขบวนรถด่วน และรถเร็ว ในช่วงเทศกาลฮารีรายอ ระหว่างวันที่ 26-30 มิถุนายน 2566 เป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางไปกลับในช่วงเทศกาลฮารีรายอโดยไม่ตกค้าง ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงก็พร้อมสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยนอกแผนที่กำหนดอย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อให้ช่วงเวลาที่พิเศษสุดของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างวันรายอ ทุกคนจะกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
สำหรับสถิติความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกี่ยวเนื่องกับรถไฟ ตั้งปี 2547 จนถึงปัจจุบัน มีเจ้าหน้าที่รถไฟได้รับบาดเจ็บ จำนวน 58 คน เสียชีวิต 19 คน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้รับบาดเจ็บ 70 คน เสียชีวิต 27 คน ประชาชนได้รับบาดเจ็บ 66 คน เสียชีวิต 5 คน วันที่มีการก่อเหตุมากที่สุด คือวันเสาร์และอาทิตย์ คิดเป็นร้อยละ 25 รองลงมาคือวันศุกร์ คิดเป็นร้อยละ 20
ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน สถิติการก่อเหตุที่เกี่ยวข้องการรถไฟ แยกเป็นรายเดือน เดือนมกราคม 14 ครั้ง เดือนกุมภาพันธ์ 19 ครั้ง เดือนมีนาคม 18 ครั้ง เดือนเมษายน 22 ครั้ง เดือนพฤษภาคม 5 ครั้ง เดือนมิถุนายน 13 ครั้ง เดือนกรกฎาคม 10 ครั้ง เดือนสิงหาคม 17 ครั้ง เดือนกันยายน 2 ครั้ง เดือนตุลาคม 19 ครั้ง เดือนพฤศจิกายน 7 ครั้ง และเดือนธันวาคม 18 ครั้ง
แต่พนักงานรถไฟที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกคนยังคงเสียสละปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชนจนถึงปลายทางทุกขบวน แม้ว่าบางคนจะไม่มีโอกาสกลับมาหาครอบครัวก็ตาม
