นครศรีธรรมราช - หายตัวปริศนา 5 ชีวิต หนุ่มคนสนิทมารับสาวพร้อมครอบครัวขึ้นรถตู้หายตัวติดต่อไม่ได้กว่า 2 เดือนแล้ว ตำรวจเผยประสานท้องที่เร่งล่าตัวผู้ต้องหา ยังมืดไม่รู้ชะตากรรมทั้ง 5 ชีวิต
จากกรณีกระแสข่าวการหายตัวไปของเครือญาติพร้อมกันถึง 5 ราย และได้ถูกร้องเรียนจนกลายเป็นเรื่องที่ถูกให้ความสนใจรายนี้ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวได้ติดตามเรื่องนี้ไปที่บ้านของ น.ส.พิทยารัตน์ จันทรมาศ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/1 หมู่ 9 บ้านไสกรูด ต.นาไม้ไผ่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นญาติสนิทของทั้ง 5 คน และเป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลขอความช่วยเหลือไปยังแหล่งเผยแพร่ต่างๆ
กรณีนี้เธอให้ข้อมูลระบุว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา น้าหลานรวม 5 ชีวิต ประกอบด้วย นางอุษา ปานรอด อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 หมู่ ต.ตลิ่งชัน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช น.ส.ชนนิกานต์ หรือน้องบีม โตชะนก อายุ 22 ปี นักศึกษาราชภัฏสุราษฎร์ธานี น.ส.ญาสุมินร์ หรือน้องรุ้ง โจมฤทธิ์ อายุ 22 ปี (เพื่อน น.ส.ชนนิกานต์ โตชะนก) ด.ช.พรพิพัฒน์ ปานรอด อายุ 13 ปี หรือน้องฟอร์ด ด.ญ.ศิรประภา หรือน้องฟ้าใส รุจิตร อายุ 13 ปี ได้หายออกจากบ้านไปพร้อมกับนายลมกรด หรือนายแบงค์ แสงสว่าง อายุ 36 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ แฟนของ น.ส.ชนนิกานต์ โดยนำรถตู้สีขาว ทะเบียน นข 8797 อุดรธานี โดยมี นายนพดล แสงเมืองอินทร์ เป็นคนขับ และมีหญิงสาวคนสนิทของนายนพดล นั่งมาในรถรวม 3 คน
ต่อมา นายลมกรด ซึ่งเป็นแฟนของ น.ส.ชนนิกานต์ ได้พาทั้ง 5 คนหายออกจากบ้านไป และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จนเวลาผ่านล่วงเลยไปนานกว่า 2 เดือนยังติดต่อใครไม่ได้ ทำให้ทางญาติเป็นกังวล ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
น.ส.พิทยารัตน์ จันทรมาศ ที่ เปิดเผยว่า นายลมกรด แสงสว่าง ชาว จ.เชียงใหม่ 1 ใน 3 คนที่มารับบุคคลทั้ง 5 ได้มารู้จักกับ น.ส.ชนนิกานต์เมื่อ 5 เดือนก่อน จากนั้น น.ส.ชนนิกานต์ ได้พานายลมกรด มาทำความรู้จักกับ นางอุษา ปานรอด ผู้เป็นแม่ ที่บ้านใน อ.ท่าศาลา โดยมี น.ส.ญาสุมินร์ หรือน้องรุ้ง โจมฤทธิ์ อายุ 22 ปี (เพื่อน น.ส.ชนนิกานต์ โตชะนก) ด.ช.พรพิพัฒน์ ปานรอด อายุ 13 ปี หรือน้องฟอร์ด ด.ญ.ศิรประภา หรือน้องฟ้าใส รุจิตร อายุ 13 ปี นั่งอยู่รวมกันที่บ้าน
น.ส.พิทยารัตน์ เล่าต่ออีกว่า หลังจาก นางอุษา ปานรอด ผู้เป็นแม่ของ น.ส.ชนนิกานต์ ได้รู้จักกับนายลมกรด แฟนของลูกสาว นายลมกรด ได้ชักชวนนางอุษาให้ร่วมลงทุนเปิดปั๊มน้ำมัน โดยอ้างว่าเป็นเจ้าของธุรกิจหลายอย่าง ทำให้นางอุษา หลงเชื่อ จึงนำที่ดิน จำนวน 5-6 ไร่ ไปขายได้เงินมา จำนวน 300,000 บาท นอกจากนี้นายลมกรด ยังได้บอกกับนางอุษา ว่า จะช่วยเหลือดูแลเรื่องทุนการศึกษาให้เด็กๆ ทั้ง 4 คน โดยจะรับฟ้าใส กับฟอร์ดเป็นลูกบุญธรรม หลังนางอุษา ได้เงินจากการขายที่ดินมานำไปให้นายลมกรด แฟนของลูกสาว นอกจากนี้ นางอุษายังได้หลงกลนายลมกรด ที่พยายามหว่านล้อมให้ลงทุนเพิ่ม ทำให้นางอุษาใจอ่อน นำรถกระบะโตโยต้ารีโว่สมาร์ทแค็บตอนครึ่ง สีดำ ทะเบียน ผจ 9822 นครศรีธรรมราช ไปจำนองไว้กับเต็นท์รถในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้เงินมา จำนวน 100,000 บาท
ต่อมา นายแบงค์ และเพื่อนมารับบุคคลทั้ง 5 คน และหลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อบุคคลทั้ง 5 รวมถึงตัวนายลมกรดได้อีกเลย หลังจากทั้ง 5 คนได้หายตัวไป นางสุจิต ปานรอด อายุ 72 ปี แม่ของนางอุษาไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.ท่าศาลา กระทั่งทางตำรวจสืบทราบว่ารถตู้ที่ใช้ก่อเหตุอยู่ในพื้นที่ จ.พะเยา จึงส่งตำรวจสืบสวนนอกเครื่องแบบไปติดตามจับกุมตัว นายนพดล แสงเมืองอินทร์ 1 ใน 3 ได้เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นนำตัวนายนพดล พร้อมรถตู้มาที่ สภ.ท่าศาลา นายนพดล ให้การว่าได้รับการว่าจ้างจากนายลมกรด ว่าเป็นเพียงคนรับจ้างขับรถตู้ให้เท่านั้น ไม่มีส่วนได้เสีย และในวันที่ 14 มิ.ย. นายนพดล ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวออกไป
ส่วนประเด็นคาดว่านายลมกรด น่าจะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎมาหลอกลวงให้หลานสาวหลงรัก และออกอุบายให้นางอุษา ผู้เป็นแม่ร่วมลงทุน ทำให้ทุกคนหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ ทำให้ทางญาติๆ เป็นกังวล เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับน้าและหลานทั้ง 5 คน จึงขอให้สื่อช่วยติดตามเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อสอบถามไปทางตำรวจ สภ.ท่าศาลา เรื่องยังไม่มีความคืบหน้าในการติดตามเท่าที่ควร
ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ติดตามข้อมูลนี้กับทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนรายหนึ่ง ได้ให้ข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลังแจ้งความ จนไปติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา และรถตู้ได้จากข้อมูลที่รถตู้คันนี้ถูกใบสั่งจากการใช้ความเร็วเกินกฎหมายกำหนด ซึ่งได้นำตัวมาสอบปากคำพบว่าเป็นผู้รับจ้างขับรถตู้ เป็นผู้ให้การที่มีข้อมูลอยู่ถึงพฤติกรรมของชายอีก 2 คน กับบุคคลทั้ง 5 ที่หายไปขณะนี้ ไปแวะห้างหรือกิจกรรมอื่นๆ ไม่มีประเด็นน่าสงสัย แต่ข้อมูลเชิงลึกในขณะนี้พบว่านางอุษา ขายที่ดินได้เงินไปจำนวนหนึ่ง รวมทั้งนำรถยนต์ไปจำนำที่กรุงเทพฯ ส่วนข้อมูลในพื้นที่พบว่ามีปัญหาเรื่องหนี้สินจำนวนมาก และนำที่ดินของญาติคนหนึ่งไปขายเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่สงสัย
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือไม่สามารถติดต่อทั้ง 5 คนได้เลย เกิดอะไรขึ้นบ้างในขณะนี้ยังไม่มีใครทราบ ซึ่งน่าที่จะติดต่อกันได้บ้าง ทางตำรวจท้องที่ได้รับแจ้ง และสืบสวนจะออกหมายจับได้แล้วกำลังเร่งติดตาม ส่วนผู้ที่หายไปทั้ง 5 รายนั้น ยอมรับว่ายังไม่รู้ชะตากรรม