สุราษฎร์ธานี - เปิดปมที่ดิน “เกาะเต่า” จ.สุราษฎร์ธานี พื้นที่กว่า 15,000 ไร่ อยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ พบมีผู้ประกอบการสร้างอาคารที่พักโดยไม่มีการอนุญาตให้เช่าจำนวนมาก สุดงง! ปล่อยให้สร้างได้อย่างไร
ถ้าพูดถึงเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของ จ. สุราษฎร์ธานี ที่ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เนื่องจากความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางบก และทางทะเล เกาะเต่าเป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางทะเลอ่าวไทย อยู่ห่างจากชายฝั่งของจังหวัดชุมพร ประมาณ 74 กิโลเมตร ห่างจากชายฝั่งของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประมาณ 110 กิโลเมตร ห่างจากเกาะสมุย ประมาณ 64 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากเกาะพะงัน ประมาณ 45 กิโลเมตร ด้วยความที่เป็นเกาะที่อยู่ไกลจากแผ่นดินใหญ่มาก มีสภาพธรรมชาติอันบริสุทธิ์ ในอดีตบริเวณชายหาดรอบๆ เกาะเต่าจึงเต็มไปด้วยเต่าที่มาหาแหล่งวางไข่เป็นจำนวนมาก อันเป็นที่มาของชื่อ “เกาะเต่า” นั่นเอง ปัจจุบันเกาะเต่าเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
จากสถานการณ์การท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้น ทำให้มีการก่อสร้างที่พัก และสถานประกอบการต่างๆ รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกบนเกาะเต่ามากขึ้น แต่ปัจจุบันพบว่า มีสถานประกอบการหลายแห่งที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังไม่ได้ทำสัญญาเช่าให้ถูกต้องจากเจ้าของพื้นที่ นั่นคือ กรมธนารักษ์ เนื่องจากที่ดินบนเกาะเต่า เป็นที่ดินราชพัสดุทั้งหมด
ที่ผ่านมา มีความขัดแย้งระหว่างราษฎร และผู้ประกอบการบนเกาะเต่า กับธนารักษ์พื้นที่ ในเรื่องการขอเช่าที่ดินราษพัสดุ ซึ่งต่างขอเช่าที่ดินไปตั้งแต่ปี 61 และจนถึงขณะนี้ซึ่งยังไม่อนุญาตให้เช่า จนกลุ่มผู้ประกอบการเดินหน้าก่อสร้างอาคารบ้านพักบริการนักท่องเที่ยว จนเป็นเหตุให้องค์กรภาคประชาชนแฉทางโซเชียล จนเป็นที่มาถึงการตรวจสอบจากหลายหน่วยงาน และมีแนวโน้มกระทบต่อการท่องเที่ยว อย่างเช่นรายของ Cape Shark Villas ที่กำลังกลายเป็นข่าวโดงดังอยู่ในขณะนี้ และการก่อสร้างอาคารบนที่ดินราชพัสดุโดยที่ยังไม่มีการอนุญาตนั้นไม่ได้มีเฉพาะรายนี้เท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายรายที่ดำเนินการแบบเดียวกัน
สำหรับพื้นที่ราชพัสดุ เกาะเต่า เกาะหางเต่า หรือเกาะนางยวน มีเนื้อที่ทั้งสิ้น 15,000 ไร่ เดิมใช้ประโยชน์ในกรมราชทัณฑ์เป็นที่คุมขังนักโทษการเมืองกบฏบวรเดช สมัยการปกครองของคณะราฎษร์ ก่อนปี พ.ศ.2476 โดยกรมราชทัณฑ์ ได้นำส่งที่ดินแปลงเกาะเต่าขึ้นทะเบียนเมื่อปี พ.ศ.2478 เป็นแปลงหมายเลขทะเบียนที่ 34 เลขที่เฉพาะจังหวัด 114 และมีอาณาเขตจดทะเลทุกด้าน มีรายการสิ่งปลูกสร้างใช้ประโยชน์ในราชการของกรมราชทัณฑ์ รวม 20 รายการ ประกอบด้วย ที่ทำการเรือนจำ เรือนขัง โรงเลี้ยงอาหาร ที่พักพัศดี
ต่อมา ในปี พ.ศ.2490 กระทรวงการคลังได้จำหน่ายรายการสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 20 รายการดังกล่าวออกจากทะเบียนที่ราชพัสดุ เนื่องจากกรมราชทัณฑ์เลิกใช้ประโยชน์ และในปี พ.ศ.2523 กรมธนารักษ์ได้มีการปรับปรุงทะเบียนที่ราชพัสดุให้เป็นรูปแบบ ทบ.9 ที่ราชพัสดุแปลงเกาะเต่าจึงขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.588 ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ประมาณ 15,000 ไร่
ต่อมา ได้ประชาชนที่อาศัยอยู่บนเกาะเต่าได้ทำหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม เรื่อง ปัญหาที่ดินบนเกาะเต่า ต่อทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งทางจังหวัดได้มีการแต่งตั้ง คณะตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ 4755/2561 ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 โดยมี พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ผู้บัญชาการกองทัพภาค 4 เป็นประธานคณะทำงาน และมี พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว หัวหน้าชุดตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาค 4 ในฐานะเลขานุการคณะทำงาน โดยมีการตรวจสอบพื้นที่วางผังที่ราชพัสดุ ตรวจสอบสิทธิถือครองของราษฎรตามกฎหมาย และตรวจสอบสิทธิการถือครองของราษฎรในพื้นที่ เช่น การพิสูจน์พืชผลอาสิน การใช้ภาพถ่ายทางอากาศมาพิสูจน์การใช้ประโยชน์ จากการตรวจสอบปรากฏหลักฐานว่าปี พ.ศ.2476 มีราษฎรเข้ามาบุกเบิกจับจองอาศัยปลูกพืชผลทางการเกษตร (ปลูกมะพร้าว) อยู่ในพื้นที่เกาะเต่า จำนวน 20 ราย ต่อมามีการแพร่ระบาดเชื้อโรคโควิด-19 เรื่องดังกล่าวจึงเงียบหายไปจนถึงขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันในปี พ.ศ.2561 ไม่ได้มีเฉพาะประชาชนที่ทำเรื่องขอเช่าที่ดินจากธนารัก์พื้นที่ ยังกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวบนเกาะเต่า รวมทั้งบริษัท เคปชาร์ค พูลวิล่า จำกัด จำนวน 21 ราย พื้นที่ 62 แปลง เนื้อที่ประมาณ 178-1-75 ไร่ ได้ดำเนินการยื่นเอกสารขอเช่าที่ดินราชพัสดุแปลง 588 ที่ตั้งอยู่บนเกาะเต่า แต่การยื่นเอกสารขอเช่าพื้นที่ราชพัสดุจากอดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการอนุมัติให้รายใด แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ใกล้บริเวณที่ตั้งของ Cape Shark Villas ได้ดำเนินการก่อสร้างและไม่ได้ขออนุญาตการก่อสร้างจากเทศบาลตำบลเกาะเต่าแต่อย่างใด แต่มีการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการเก็บเงินเข้ากระเป๋าไปแล้ว
ปัจจุบัน บนเกาะเต่ามีผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวที่ได้รับการอนุมัติให้เช่าพื้นที่ จำนวน 25 ราย มีห้องพักที่ได้อนุญาตจำนวน 575 ห้อง ส่วนผู้ประกอบการที่ยื่นเอกสารขอเช่าพื้นที่ราชพัสดุ แปลง 588 เกาะเต่า ไปยังธนารักษ์พื้นที่สุราษฎร์ธานี ที่ยังตกค้างไม่ได้รับการอนุญาตให้เช่าอีกจำนวนนับ 100 ราย ซึ่งบางส่วนสร้างเสร็จและเปิดให้บริการไปแล้ว
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนกังขา ว่า ทำไมถึงปล่อยให้มีการก่อสร้างทั้งๆ ที่ยังไม่มีการเช่าพื้นที่จากธนารักษ์ ซึ่งทำให้รัฐเสียผลประโยชน์อย่างชัดเจน ปล่อยให้มีการดำเนินการกันอย่างโจ่งแจ้ง เกิดอะไรขึ้นกับหน่วยงานรัฐที่ไม่เข้ามาดำเนินการอะไร
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเปิดเผยว่า สำหรับในส่วน Cape Shark Villas นั้น เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2561 ได้ยื่นเอกสารขอเช่าที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ สฎ.588 (แปลงเกาะเต่า) ต่อธนารักษ์พื้นที่ (สุราษฎร์ธานี) ตั้งอยู่ ม.3 ต.เกาะเต่า อ.เกาพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี จำนวนเนื้อที่ 18 ไร่ โดยระบุวัตถุประสงค์การเช่าเพื่อประกอบธุรกิจท่องเที่ยว แต่ได้จดทะเบียนธุรกิจในลักษณะดูแลบ้านพักอาศัย และดำเนินก่อสร้างบ้านพักเป็นหลังๆ ขายให้กลุ่มประชาชนในพื้นที่ และ ชาวต่างชาติมาตั้งแต่ปี 40 จากอดีตถึงปัจจุบันคาดว่ามีการก่อสร้างบ้านพัก และห้องพักขายไปประมาณ 30-40 ห้อง สำหรับหลังที่มีปัญหา ในอดีตเปิดเป็นสถานบริการนวด สปา ในลักษณะสถานที่เปิด และล่าสุดมาปรับปรุงสร้างเป็นห้องพักบริการให้นักท่องเที่ยวในระยะ 2-3 ปี ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางผู้สื่อข่าว พยายามที่จะติดต่อ นายศุภโชค บัวทอง หัวหน้าธนารักษ์พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขอรายละเอียดเรื่องการอนุญาตให้เช่าพื้นที่บนเกาะเต่า และการปล่อยให้มีการก่อสร้างบนพื้นที่ราชพัสดุโดยไม่มีการดำเนินการใดๆ แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้