ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ต วาง 5 กลยุทธ์ทำตลาดและพัฒนาท่องเที่ยวภูเก็ต เดินไปสู่เป้าหมายที่ตัวเลขนักท่องเที่ยว 14 ล้านคน ทำรายได้ทะลุ 4.4 แสนล้านบาทในปีหน้า รักษาตลาดเดิม เจาะตลาดใหม่ ไม่ทิ้งตลาดคนไทย ควบคู่พัฒนากิจกรรมกลุ่มเฉพาะ พร้อมเพิ่มทักษะคนท่องเที่ยว
นายรังสิมันต์ กิ่งแก้ว กรรมการบริหาร สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงแผนพัฒนาการท่องเที่ยวภูเก็ตปี 2566-2567 ว่า การท่องเที่ยวของภูเก็ตฟื้นตัวมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เปิดประเทศด้วยโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นักท่องเที่ยวเข้ามาภูเก็ตแบบก้าวกระโดดในหลายกลุ่ม และมีนักท่องเที่ยวจากประเทศใหม่ๆ เข้ามาอีกหลายตลาดเช่นกัน และที่สำคัญพบว่ามีหลายตลาดที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวเข้ามาสูงกว่าก่อนเกิดโควิดระบาด เช่น ตลาดรัสเซียที่โต 130% ออสเตรเลีย 97% เยอรมนีโตถึง 150% และตลาดใหม่ๆ เช่น อิสราเอลที่เข้ามาเป็นชาติแรกหลังเปิดประเทศ คาซัคสถานโตถึง 3,000% ทั้งนี้ เนื่องจากก่อนหน้าที่จะเกิดโควิดระบาดตัวเลขนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เข้ามาภูเก็ตน้อยมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่านักท่องเที่ยวในหลายตลาดจะเติบโตสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่มีอีกหลายตลาดที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น ตลาดจีน ที่นักท่องเที่ยวยังกลับไม่มากนักจากเงื่อนไขการเดินทางออกนอกประเทศของจีนที่ยังไม่เอื้อเต็มที่ และเชื่อว่าตลาดจีนจะกลับเข้ามาภูเก็ตเหมือนก่อนเกิดโควิดในไม่ช้านี้
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตขณะนี้ ทำให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตฟื้นตัวแล้วประมาณ 80% เมื่อเทียบกับตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 2562 ก่อนที่จะเกิดโควิด-19 ที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวของภูเก็ตอยู่ที่ 14 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวคนไทย 4 ล้านคน นักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน โดยขณะนี้นักท่องเที่ยวเข้ามาเดือนละประมาณ 500,000-600,000 คน จากตัวเลขที่เข้ามาก่อนเกิดโควิดอยู่ที่เดือนละ 700,000-800,000 คน
ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวนั้นกลับมาแล้ว 70-80% คาดว่าตลอดปี 2566 นี้ ภูเก็ตจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 200,000-300,000 ล้านบาท จากก่อนโควิด-19 ระบาด ภูเก็ตสามารถทำรายได้สูงถึงปีละ 440,000 ล้านบาท สูงเป็นอันดับ 2 รองจากรุงเทพฯ
“ภาคเอกชนมองว่าการท่องเที่ยวของภูเก็ตจะกลับมาฟื้นตัว 100% อย่างแน่นอนในปี 2567 ที่จะถึงนี้ เชื่อว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจะแตะที่ 14 ล้านคน และรายได้จะทะลุ 4.4 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน” นายรังสิมันต์ กล่าวและว่า
แต่ทั้งนี้ทางภาครัฐและเอกชนไม่ได้มองที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวเป็นอันดับหนึ่ง แต่จะให้ความสำคัญกับรายได้ที่เกิดขึ้นมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามา จึงได้มองไปที่ตลาดนักท่องเที่ยวในกลุ่มคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูง ทั้งตลาดเดิมและตลาดใหม่ รวมไปถึงตลาดเฉพาะกลุ่ม
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า จากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตในปีนี้และเป้าหมายที่จะทำให้การท่องเที่ยวของภูเก็ตกลับมาเหมือนก่อนเกิดโควิด ทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต ได้วางกลยุทธ์ในการส่งเสริมการทำตลาดท่องเที่ยวของภูเก็ตไว้ 5 ด้านด้วยกัน คือ กลยุทธ์รักษาตลาดเป้าหมายเดิมไว้ เช่น ตลาดจีน รัสเซีย อินเดีย ตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และยุโรป ซึ่งเป็นตลาดที่มาภูเก็ตอยู่แล้ว ด้วยการออกไปตลาดส่งเสริมการขาย ทั้งการออกไปทำโรดโชว์ในประเทศที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลัก รวมถึงการไปร่วมงานเทรดต่างๆ เช่น งาน TIB ที่กรุงเบอร์ลิน งาน TIB Asia งาน ATM งาน IMEX เป็นต้น กลยุทธ์เจาะตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลางในบางประเทศ ตลาดที่เข้ามาใหม่ในช่วงหลังเปิดประเทศ
กลยุทธ์ตลาดในประเทศซึ่งเป็นตลาดที่มีความสำคัญกับภูเก็ตมาก ที่ผ่านมา คนไทยมาเที่ยวภูเก็ตเป็นอันดับ 1 สูงถึง 4 ล้านคน และตลาดคนไทยจะเข้ามาช่วยภูเก็ตทุกครั้งที่ภูเก็ตเกิดวิกฤต รวมทั้งตลาดคนไทยสามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปี การทำตลาดในประเทศนั้นทางสมาคมได้ใช้สโลแกน “ภูเก็ตเด็ดทั้งเกาะ” ออกไปทำตลาดในจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วประเทศ เช่น หาดใหญ่ กรุงเทพฯ อุดรธานี ขอนแก่น เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อดึงคนไทยมาเที่ยวภูเก็ตเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงกรีนซีซัน
นอกจากนี้ ยังได้กำหนดกลยุทธ์ในการพัฒนากิจกรรมทางการท่องเที่ยว เพื่อดึงตลาดกลุ่มเฉพาะเข้ามาภูเก็ต เพราะกลุ่มนี้เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูง เช่น กลุ่มมาเล่นเซิร์ฟ ได้มีการจัดกิจกรรมเซิร์ฟขึ้นเมื่อปีที่แล้วที่หาดกะตะ และปีนี้จะจัดอีกครั้งประมาณเดือน ส.ค.และต้นเดือน ก.ย.นี้ และกลยุทธ์ในการพัฒนาบุคลากรทางการท่องเที่ยว เพื่อพัฒนาทักษะของผู้ให้บริการทางการท่องเที่ยว เช่น การอบรมผู้จัดการทั่วไปโรงแรมที่เป็นคนไทย การเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษผู้ให้บริการในโรงแรม ร้านอาหาร เป็นต้น