นครศรีธรรมราช - ผู้ว่าฯ เมืองคอนไหวตัวทัน เชิญอธิบดีกรมศิลป์ชำแหละเอกสาร “พระบรมธาตุนครศรีฯ สู่มรดกโลก” พบ 10 ปีส่อเหลว ไม่จำเป็นต้องเร่งบูรณะวิหารรายรอบ แนะเร่งรื้อแก้ไข จ่อส่งนักวิชาการกรมศิลปากรเข้าร่วมกู้สถานการณ์
การจัดทำเอกสารเพื่อนำเสนอความสำคัญขององค์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช สู่การเป็นมรดกโลก เข้าสู่วันที่ 22 มิถุนายน 2566 นี้ จะครบ 10 ปีในการจัดทำเอกสาร แต่กลับพบว่าเอกสารที่ทำแล้วอาจประสบกับความล้มเหลว เนื่องจากมีประเด็นสำคัญจำนวนมากที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติม และไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม จนนายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช มีข้อสงสัยหลายประการในความล่าช้า และขั้นตอนที่มีปัญหา จึงตัดสินใจประสานกับ นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ และเป็นคณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย เพื่อให้พิจารณาการจัดทำเอกสาร และชี้ข้อบกพร่องผิดพลาด โดยนายพนมบุตร ได้เดินทางมาประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และคณะกรรมการจัดทำเอกสารของ จ.นครศรีธรรมราช
นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ได้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามในการเร่งรัดบูรณะวิหารต่างๆ และจุดสำคัญต่างๆ ในวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ของคณะกรรมการจัดทำเอกสารว่า การบูรณะหรือไม่บูรณะวิหารต่างๆ นั้นไม่ได้มีผลต่อการเป็นมรดกโลก พร้อมกันนั้น จะจัดส่งนักวิชาการของกรมศิลปากรที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงในการแก้ไขจัดทำเอกสารของคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นโดยจังหวัดนครศรีธรรมราช
ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้ นางเสริมกิจ ชัยมงคล ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 12 ชี้ประเด็น ซึ่งได้พิจารณาชี้เมื่อปี 2564 หลังจากนั้นยังไม่มีการเสนอให้คณะทำงานระดับกรม และกระทรวงพิจารณานับแต่นั้น พบประเด็นสำคัญคือ การชี้ถึงเกณฑ์มรดกโลกที่นำเสนอยังไม่ชัดเจนในนัยสำคัญ และควรต้องปรับปรุงการบรรยายคุณค่าความโดดเด่นในระดับสากล การกำหนดขอบเขตมรดกโลก และพื้นที่กันชนที่ยังไม่ชัดเจน การจัดการแผนการปกป้องคุ้มครอง การบริหารจัดการสิทธิครอบครองที่มีข้อมูลอาจมีความเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ส่วนความครบถ้วนของเนื้อหาต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาให้ครบถ้วน สอดคล้องตามคู่มือการปฏิบัติการมรดกโลก และให้ตรวจสอบลิขสิทธิ์ของภาพถ่าย แผนที่ต่างๆ ต้องมีการอ้างอิงที่มาให้ถูกต้อง
ด้านนายอภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ระบุว่า ได้รับฟังข้อมูลการชี้ประเด็นของอธิบดีกรมศิลปากรแล้ว ยอมรับว่าที่ผ่านมามีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอย่างมาก เนื่องจากฟังที่ปรึกษาว่าลักษณะทางกายภาพกับเอกสารต้องไปด้วยกัน ส่วนเอกสารการนำเสนอประเด็นเหล่านี้ ไม่ได้ถูกนำมาพูดเช่นนี้มาก่อนเลย และเพิ่งมาทราบในการประชุมนี้ โดยขอให้เป็นบทเรียนสำคัญ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีการชี้ประเด็นสำคัญจากอธิบดีกรมศิลปากร และผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 12 แล้วนั้น ทำให้เกิดคำถามที่ว่า 10 ปีที่ผ่านมา มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณที่ได้จากการบริจาคของพุทธสานิกชนไปแล้วจำนวนมาก ทั้งในส่วนของการบูรณะ การจัดทำเอกสาร ค่าใช้จ่าย ค่าตอบแทนบุคคลต่างๆ มีความคุ้มค่าหรือไม่ และจะมีการแสดงความรับผิดชอบอย่างไรหรือไม่
ขณะเดียวกัน ในการครบรอบ 10 ปี แต่ยังไม่สามารถยื่นเอกสารการนำเสนอได้นั้น นางเสริมกิจ ชัยมงคล ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 12 ได้ชี้ว่า อาจต้องจัดทำเอกสารเพื่อรายงานไปยังยูเนสโกถึงการแก้ไขเอกสารสำคัญบางประการ เพื่อให้ทราบว่ายังมีการดำเนินกิจกรรมนี้อยู่
