xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าอาวาสวัดเข้าแจ้งความจับอดีตพระปลัด หลังพบหลักฐานการยักยอกเงินกว่า 1.6 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ยะลา - เจ้าอาวาสวัดนิโรธสังฆาราม จ.ยะลา เข้าแจ้งความจับอดีตพระปลัดอีกครั้ง หลังพบหลักฐานการยักยอกเงินเจ้าอาวาสกว่า 1.6 ล้านบาท

วันนี้ (8 มิ.ย.) จากกรณีพระปลัดศิจะพรรณ (ปัจจุบันปาราชิกแล้ว) อายุ 34 ปี ได้แอบซื้อบริการหญิงสาว โดยมีหลักฐานและประจักษ์พยานชี้ชัดว่าได้กระทำผิดวินัยสงฆ์อย่างร้ายแรงจริง ทางคณะสงฆ์ จ.ยะลา จึงมีมติให้พระปลัดศิจะพรรณ รักษาการรองเจ้าอาวาสวัดนิโรธสังฆาราม อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ปาราชิก ตัดขาดจากการเป็นพระภิกษุสงฆ์ เนื่องจากการกระทำผิดพระธรรมวินัยร้ายแรง เมื่อวันที่ 18 พ.ค.66 แต่ไม่ได้ถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย

ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา คณะสงฆ์วัดนิโรธสังฆาราม และผู้เกี่ยวข้อง ได้เข้าตรวจค้นที่พักของอดีตพระปลัดภายในวัด เพื่อหาหลักฐานที่เป็นสมุดบัญชีของทางวัด หลังจากพบว่าเงินในบัญชีทั้งของทางวัด และทางเจ้าอาวาสวัดได้สูญหายไปกว่า 1 ล้านบาทด้วย แต่ไม่พบสมุดบัญชี

ภายหลังจากการรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องร่วม 2 เดือนหลังเกิดเหตุ ล่าสุด ทาง ดร.พระโสภณ ธรรมมุนี รองเจ้าคณะจังหวัดยะลา/เจ้าอาวาสวัดนิโรธสังฆาราม ได้เดินทางนำหลักฐาน ทั้งใบเสร็จรับเงินการก่อสร้างติดตั้งเตาเผาศพ หนังสือสัญญาการก่อสร้าง และหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินของวัด และของทางเจ้าอาวาสวัด เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองยะลา อีกครั้ง หลังจากที่เคยลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้ เพื่อดำเนินคดี นายศิจะพรรณ เพียรหาญ หรืออดีตพระปลัดศิจะพรรณ แล้ว

ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ให้ข้อมูลว่า จากที่เคยมีประเด็นไปเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมายได้ทำการสืบสวนค้นหาเบาะแสต่อ เนื่องจากมีข้อมูลว่า อดีตพระปลัดอาจมีการยักยอกทรัพย์และเงินบริจาคของวัด โดยมีข้อมูลจากนิติวิทยาศาสตร์ หลังเจ้าหน้าที่ได้นำโทรศัพท์ของอดีตพระปลัด และหญิงสาวคู่ขาไปตรวจค้นข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งหลังจากได้ข้อมูลเบาะแสจากโทรศัพท์แล้ว เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบค้นต่อ จึงได้พบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมีการโอนย้ายเงินของท่านเจ้าอาวาสวัดที่เป็นเงินส่วนตัว

ซึ่งอดีตพระปลัดศิจะพรรณ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าหลวงแค ตอนนี้ถูกปาราชิกแล้วเป็น นายศิจะพรรณ ได้นำเงินเจ้าอาวาสไปใช้โดยท่านไม่ยินยอม และยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง เช่น หญิงสาวอีกคนที่ใกล้ชิดเกี่ยวข้อง ที่ทางอดีตพระปลัดบอกว่าเป็นน้องสาว ก็ไม่ใช่เรื่องจริง เป็นภรรยาและมีลูกด้วยกัน และยังมีหลักฐานชี้ชัดว่ามีการมาซื้อรถยนต์ที่ยะลา คาดว่าเป็นเงินในวัด และของท่านเจ้าอาวาสด้วย

ซึ่งวันนี้มีหลักฐานเพียงพอ ได้นำเจ้าอาวาสมาแจ้งความ อุปสรรคที่สื่อทรัพย์ทางเราพบว่า หญิงสาวที่เป็นภรรยาไม่ได้ให้ความร่วมมือ แต่มีหลักฐานมาเอารถไป มีฆราวาสที่มาช่วยงานในวัด เป็นคนสนิทมาก่อกวน ทำให้การหาพยานหลักฐานล่าช้า ซึ่งตอนนี้วัดไม่มีรถใช้เลย ทุกอย่างถูกโอนชื่อเป็นของ นายศิจะพรรณ หมด ทางเราได้ดูที่มาที่ไปของเงินสักพักหนึ่ง ไม่ว่าของเป็นชื่อของเขาแต่ที่มาที่ไปเป็นเงินวัดทั้งนั้น เลยได้พาเจ้าอาวาสมาแจ้งความให้ดำเนินคดีถึงที่สุด

โดยยอดเงินรวมแล้วที่สามารถพิสูจน์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงินเจ้าอาวาส 1.6 ล้านบาท จากระยะเวลาปี 60 ถึง ปี 66 จะมีการถอนมากๆ ตอนที่ท่านเจ้าอาวาสป่วย และอาจจะมีความไว้วางใจเพราะว่าท่านเป็นนักพัฒนาตามที่ประชาชนเห็น แต่เชื่อว่าเขาใช้กระแสเงินสดจนต้องมากินเงินเจ้าอาวาส เป็นการบริหารเงินที่ผิดเพราะมีเรื่องชู้สาวมาเกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องชู้สาวหลักฐานความผิดทั้งหมด วินัยพระ และคดีอาญาอื่นๆ ได้ส่งให้ทางตำรวจหมดแล้ว

ส่วนกรณีเรื่องวุฒิการศึกษานั้น ได้ประสานกับทางมหาวิทยาลัยรามคำแหงแล้ว เป็นวุฒิปลอม ไม่เคยมาศึกษาจริง จากนี้ก็เป็นเรื่องของทางมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่จะเป็นผู้ดำเนินการ


กำลังโหลดความคิดเห็น