นครศรีธรรมราช - เกิดเหตุพ่อตาทุบสะใภ้ขังในขนำปิดประตู ก่อนจุดไฟเผากลายเป็นซากศพสยอง ด้านตำรวจเข้าจับกุมทันควัน สอบสวนอ้างทำร้ายจริงแต่ไม่ได้เผา ไม่รู้ไฟไหม้ได้อย่างไร
วันนี้ (8 มิ.ย.) พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช พ.ต.อ.โชคดี ศรีเมือง ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.ท.มนตรี วรรณคง พนักงานสอบสวน นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แพทย์เวรชันสูตร รพ.มหาราช และหน่วยกู้ภัยไต้เต๊กเซี่ยงตึ๊ง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุบริเวณขนำหลังบ้านเลขที่ 191 หมู่ 4 ต.ปากพูน อ.เมืองนครศรีธรรมราช หลังจากรับแจ้งมีการฆาตกรรม และมีการเผาศพอำพรางคดีภายในบ้านที่เกิดเหตุ
หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าดับเพลิงในจุดเกิดเหตุถึงกับตกตะลึงเมื่อพบว่าภายในกองเพลิงพบผู้เสียชีวิตสภาพกลายเป็นซากก้อนเนื้อ พอเหลือให้เป็นว่าเป็นโครงร่างของมนุษย์ถูกเพลิงเผาไหม้อย่างรุนแรงไปพร้อมกับซากขนำ ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.นรมล เกตุแก้ว อายุ 28 ปี ภูมิลำเนาเดิมเลขที่ 30 หมู่ 1 ต.บางหมาก อ.กันตัง จ.ตรัง
ส่วนบริเวณบ้านหลังหน้าพบ นายกนกพงศ์ ขุนรัตน์ อายุ 28 ปี สามีของ น.ส.นรมล ร่ำไห้รอเจ้าหน้าที่ ให้ข้อมูลว่า น ส.นรมล อาศัยอยู่ที่บ้านโดยมีพ่อคือ นายเล็ก ขุนรัตน์ อายุ 60 ปี แต่ในช่วงเช้าที่ผ่านมาพ่ออยู่ในอาการเมาและได้หลอกให้ตนเองไปส่งที่บ้านท่าแพ ตนเองจึงขับรถไปส่ง จากนั้นได้ไปทำงานตัดปาล์มในสวนนายจ้าง จนเที่ยงมีคนไปบอกว่าไฟไหม้บ้านจึงกลับมา และพบว่าภรรยาอยู่ในกองเพลิง ส่วนพ่อหายตัวไป โดยพ่อมีเรื่องระหองระแหงกับภรรยาของตนเองเสมอด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เข้าใจว่าพ่อตั้งใจหลอกให้ตนเองออกไปส่งแล้วกลับมาก่อเหตุภายหลัง
อย่างไรก็ตาม เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ได้ยินเสียง นายเล็ก และลูกสะใภ้ทะเลาะโต้เถียงกันอย่างรุนแรง แต่ไม่ได้สนใจเนื่องจากทะเลาะกันอยู่เสมอ จนกระทั่งเงียบเสียงไปไม่นานได้ยินเสียงไฟปะทุ และมีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง จึงชะโงกไปดูเห็นว่าเพลิงกำลังไหม้ขนำอย่างรุนแรง ขณะที่ นายเล็ก เดินเตร็ดเตร่อยู่หน้าบ้าน จึงวิ่งไปแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่เทศบาลเมืองปากพูน ที่อยู่ห่างไปเพียงเล็กน้อยสามารถนำรถมาดับเพลิงได้ แต่พบว่ามีคนตายอยู่ในกองเพลิง ส่วนนายเล็ก หายตัวไปแล้ว
ต่อมา พ.ต.อ.โชคดี ศรีเมือง ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมเจ้าหน้าที่ได้คุมตัว นายเล็ก ไว้ได้ขณะที่ไปนั่งดื่มเหล้าอยู่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุ ก่อนนำตัวไปทำการสอบข้อมูล โดยมี พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ติดตามไปสอบสวนที่ป้อมสายตรวจบ้านบางปู
นายเล็ก อ้างว่า น.ส.นรมล ติดยาเสพติดและได้เกิดทะเลาะกันเป็นประจำ มักจะมั่วสุมเสพยา ก่อนเกิดเหตุได้ทะเลาะกัน จากนั้นเรื่องลุกลามได้ใช้ไม้ทุบขาจนล้มลง และได้วิ่งหนีเข้าไปในบ้าน ตนจึงเข้าไปซ้ำให้ตายไปไม่ต้องรำคาญ จากนั้นได้ปิดบ้านแล้วออกมาด้านนอกจนเจ้าหน้าที่มาจับตัว
ส่วนเจ้าหน้าที่ได้ประมวลเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุจากข้อมูลของพยานแวดล้อมและลักษณะที่เกิดเหตุน่าเชื่อว่า นายเล็ก ได้ทุบทำร้าย น.ส.นรมล จนได้รับบาดเจ็บ จากนั้น น.ส.นรมล ได้วิ่งเข้าไปหลบในขนำแล้ว นายเล็ก ตามเข้าไปทำร้าย จากนั้นได้ปิดประตูขังก่อนที่จะจุดไฟเผาทั้งบ้านทั้งคน โดยเจ้าหน้าที่จะต้องพิสูจน์ว่าผู้ตายนั้นตายก่อนที่จะถูกเผา หรือถูกไฟคลอกเผาจนตายจากที่ถูกขังอยู่หรือไม่ ซึ่งส่งผลต่อรูปคดี
ขณะที่ พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ระบุว่า ผู้ต้องหายังให้การภาคเสธ รับว่าทำร้ายแต่ไม่รับว่าเผา อ้างว่าผู้ตายมั่วสุมยาเสพติดเป็นเหตุให้ไม่พอใจเป็นชนวนในการทำร้าย
ด้านแพทย์เวรชันสูตร รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ได้เข้าชันสูตรพลิกศพผู้ตายในที่เกิดเหตุ จากสภาพกายภาพภายนอกนั้นยังไม่สามารถระบุเหตุการณ์ตายที่แน่ชัดได้ว่าตายก่อนที่จะเกิดเพลิงไหม้ หรือเพลิงไหม้เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย รวมทั้งร่องรอยของการทำร้ายอื่นๆ ต้องชันสูตรอย่างละเอียด
ส่วนสภาพศพนั้นอยู่ในสภาพไหม้เกรียมเสียหายทั้งร่างมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ สำหรับ นายเล็ก พ่อตาที่ก่อเหตุนั้นพบว่าเพิ่งพ้นโทษมาได้เพียง 3 เดือนในคดีเกี่ยวกับยาเสพติด ส่วนลูกชายและลูกสะใภ้นั้นมีส่วนพัวพันกับยาเสพติดเช่นเดียวกัน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของผู้เสพ