ตรัง - สุรากลั่นชุมชน-สุราพื้นบ้านตรังเฮ! ยอดขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว จนบางแห่งสร้างรายได้ให้ถึงวันละกว่า 2 แสน หลัง “พิธา” ปลุกกระแสสุราก้าวหน้า พร้อมเสนอให้ส่งเสริมชาวบ้านขายด้วย หลังปลดล็อกแล้ว
จากกระแสสุราก้าวหน้าที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาพูดเรื่องสุรากลั่นชุมชน และสุราพื้นบ้าน จนเป็นกระแสในขณะนี้ ส่งผลให้สุรากลั่นชุมชน และสุราพื้นบ้านใน จ.ตรัง ได้รับการตอบรับอย่างดี ซึ่ง 3-4 วันที่ผ่านมา หลายชุมชน หลายผู้ประกอบการสุรากลั่นชุมชน และสุราพื้นบ้านต่างมียอดจำหน่ายพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่โรงกลั่นสุราชุมชนยอดข้าวสุราทิพย์ ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ที่ผลิตสุรากลั่นชุมชนขึ้นทะเบียน โดยใช้วัตถุดิบจากข้าวหอมมะลิ น้ำตาลโตนด และน้ำตาลอ้อย โดยปัจจุบันได้ผลิตสุรากลั่นชุมชนออกมา จำนวน 4 แบบ ส่วนใหญ่จะวางขายในร้านจำหน่ายสุราใน จ.ตรัง จำหน่ายผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก รวมทั้งมีการดีลกับห้างโมเดิร์นเทรดในจังหวัดเพื่อจัดจำหน่ายสินค้าด้วย
นายประสิทธิ์ สำนักเหยา เจ้าของผลิตภัณฑ์ยอดข้าวสุราทิพย์ บอกว่า เรื่องสุราก้าวหน้าตามนโยบายที่นายพิธา พูดนั้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะส่งเสริมสุราชุมชน ให้สุราชุมชนมีที่ยืนในตลาดมากขึ้น พร้อมทั้งเห็นด้วยที่จะมีการปลดล็อกตัวบทกฎหมายที่มีอยู่เดิม และข้อจำกัดของกฎหมาย เช่น เรื่องกำลังการผลิต ขนาดแรงม้าของเครื่องจักรในโรงกลั่น การผลิตคราฟเบียร์ หรือสุราสี ควรปรับลิมิตในการผลิตให้ต่ำลง เพื่อให้โรงผลิตระดับชุมชนสามารถขออนุญาตผลิตได้
หากรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าปลดล็อกแล้ว ยังอยากให้เล็งเห็นถึงการส่งเสริมช่องทางการขายด้วย อยากให้มองสุราชุมชน หรือคราฟเบียร์ว่าเป็นงานศิลปะ เป็นเรื่องภูมิปัญญาของชุมชน ของชาวบ้าน เพราะหากแค่ปลดล็อกกฎหมาย แต่ไม่มีการส่งเสริมการขาย ผู้ผลิตสุราชุมชนไม่สามารถอยู่ได้เช่นกัน ตนจึงอยากให้รัฐบาลไปคุยกับผู้ค้ารายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นร้านสะดวกซื้อ หรือโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ ขอพื้นที่สำหรับจำหน่ายสินค้าสุราชุมชน คราฟเบียร์ หรือแม้แต่สินค้าชุมชน สินค้าพื้นบ้าน สินค้าโอทอปอื่นๆ ด้วย
“ตอนนี้ปัญหาหลักของผู้ผลิตสุราชุมชน คือการขาย ผลิตแล้วขายไม่ได้ เพราะถูกจำกัดด้วยข้อกฎหมายยิบย่อย เช่น ไม่สามารถทำการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ได้ เพราะมองว่าทำให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงง่าย แต่ความเป็นจริงการไปซื้อที่ร้านสะดวกซื้อ หรือร้านของชำนั้นสะดวกกว่าออนไลน์ด้วยซ้ำ ขี่รถไปซื้อได้เลย 5 นาทีถึง แต่การปลดล็อกสุรา หรือสุราก้าวหน้า ทำให้เกิดมิติการแข่งขัน เพื่อพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพ ส่งเสริมให้คนในชุมชนได้มีงานทำ ส่งเสริมรายได้ให้เกษตรกรที่ปลูกข้าว อ้อย ตาลโตนด แล้วยังส่งผลไปจนถึงการซื้อแสตมป์สรรพสามิตเพื่อจ่ายภาษี ตนมองว่าการปลดล็อกไม่ได้มีผลทำให้นักดื่มเพิ่มขึ้น มันคนละประเด็นกัน เพราะคนเรามีความชื่นชอบต่างกัน”
นายประสิทธิ์ บอกว่า กระแสที่นายพิธาปลุกขึ้นมานี้ทำให้คนตื่นตัว ที่ผ่านมาประชาชนบางคนไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าในจังหวัดตัวเองมีผลิตภัณฑ์นี้ด้วย เพราะเราขาดการส่งเสริม ซึ่งกลไกการผลิตสุราเหมือนกันทั่วโลก แตกต่างกันแค่วัตถุดิบ และสุราชุมชนของไทยแต่ละจังหวัดล้วนมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ในบางประเทศนำข้าวไทยไปผลิตสุรา แล้วส่งกลับมาขายในเมืองไทย แล้วทำไมเราไม่ส่งเสริมคนไทยด้วยกันเอง สร้างแบรนด์ของตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของต่างชาติ แล้วยังช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกร ซึ่งทุกอย่างมาเกาะเกี่ยวกันเป็นห่วงโซ่
“หลังจากมีกระแสสุราก้าวหน้าเมื่อ 3-4 วันก่อน ทำให้ยอดข้าวสุราทิพย์ มียอดขายเพิ่มหลายเท่าตัว เฉลี่ยวันละกว่า 2 แสนบาทเลยทีเดียว ซึ่งผู้ซื้อนอกจากจะซื้อเพื่อบริโภคแล้ว ยังซื้อเพื่อนำไปสะสม ขณะที่ผู้ผลิตเองกำลังมองถึงการพัฒนารสชาติ และการสรรหาวัตถุดิบที่นำมาผลิต รวมทั้งกำลังทดลองนำข้าวเบายอดม่วง ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองตรัง ที่อยู่ในระหว่างขอรับรองการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือสินค้า GI และข้าวพันธุ์พื้นเมืองอื่นๆ มาทำสุรากลั่นชุมชน เพื่อให้ได้รสชาติที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และมีรายได้เข้ามาเลี้ยงดูพนักงาน”