กระบี่ - เหยื่อแก๊งหลอกรถเช่าในพื้นที่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ โผล่แจ้งความหลังถูกแก๊งรถเช่าทำทีมาขอเช่ารถแล้วเชิดรถหนีติดต่อไม่ได้ เสียหายหลายล้านบาท
จากกรณีผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ให้เช่าบีบี เร้นท์ ในพื้นที่บ้านอ่าวน้ำเมา ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ นำเอกสารหลักฐาน สัญญาการเช่ารถจักรยานยนต์ รวมจำนวน 13 คัน ที่ทำไว้กับผู้ที่เช่ารถ มีด้วยกัน 5-6 คน ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ แต่หนึ่งในนั้นมีผู้หญิงเป็นอาจารย์โรงเรียนชื่อดังใน จ.กระบี่ เช่าไป 5 คัน เป็นหลักฐานเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สุนทร คำภาพันธ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกระบี่ หลังจากถูกกลุ่มบุคคลดังกล่าวเชื่อว่าเป็นแก๊งเดียวกันเช่ารถพร้อมกับไม่จ่ายค่าเช่ารถ และไม่นำรถจักรยานยนต์ที่เช่ามาคืนให้ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น วานนี้ (31 พ.ค.)
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเหยื่อที่ถูกแก๊งหลอกรถเช่าในพื้นที่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ โผล่แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะลันตา ว่า ถูกแก๊งเช่ารถ ทำทีเข้ามาเช่ารถแล้วเชิดรถหนี ติดต่อไม่ได้ สงสัยอาจจะเป็นแก๊งเดียวกันหรือมีความเชื่อมโยงกันเนื่องจากพฤติกรรมคล้ายกัน
โดย น.ส.เอ (นามสมมติ) ให้ข้อมูลว่า สำหรับรถของตนที่ถูกแก๊งหลอกเช่ารถเช่าแล้วเอาไปจำนำตนตามกลับคืนมาได้แล้ว ถูกนำไปจำนำไปกับนายทุนคนหนึ่งในพื้นที่ แต่คนก่อเหตุยังลอยนวล โดยรถที่คนร้ายเข้ามาหลอกเช่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดรวม 27 คัน โดยส่วนตัวไม่รู้จักผู้ที่มาเช่า แต่เห็นในบัตรประชาชนเป็นคนในพื้นที่ อ.เกาะลันตา เลยเชื่อใจให้เช่าไป โดยมาเช่าครั้งละ 1-2 คัน แต่ละครั้ง 3-5 วัน จะมีการโอนเงินค่าเช่ามาให้ตลอด
และได้มาเช่ารถเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่อง แต่พอมาหลังๆ เริ่มผิดนัดค่าเช่ารถเลยเกิดความสงสัย และพยายามสอบถามคนเช่าว่าเอารถไปไว้ที่ไหนหรือให้ใครทำอะไร ทางผู้เช่าตอบไม่ได้และพยายามตอบบ่ายเบี่ยงมาตลอด ถึงแม้ว่าตนบอกว่าค่าเช่าไม่เอาแล้วจะเอาแค่รถกลับ แต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด 2-3 เดือน โดยครั้งแรกผู้เช่ารายนี้ได้เช่ารถไปรวมจำนวน 20 คัน แต่พอมาหลังๆ ได้ให้เพื่อนมาเช่าไปอีก 7 คัน รวมทั้งหมด 27 คัน
หลังจากที่เชื่อว่าถูกหลอกเช่ารถไปจำนำแล้ว พยายามออกตามหาคนเช่า ได้ไปพบตัวอยู่ที่แห่งหนึ่งในพื้นที่เกาะลันตา แล้วนำตัวมาที่ สภ.เพื่อทำการแจ้งความดำเนินคดี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ข้อหายักยอกทรัพย์ และยังพบว่ามีผู้เสียหายอื่นๆ อีกหลายราย ที่รู้ประมาณ 5 ราย มีทั้งรถมอเตอร์ไซค์ของตนและรถยนต์หรู ซึ่งทุกคนได้รถคืนมาแล้ว หากว่าตามกลับมาไม่ได้ค่าเสียหายหลายล้านบาท
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งหาของกลาง คืนเจ้าของ และติดตามตัวคนก่อเหตุทั้ง 2 แห่งมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากกรณีผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ให้เช่าบีบี เร้นท์ ในพื้นที่บ้านอ่าวน้ำเมา ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ นำเอกสารหลักฐาน สัญญาการเช่ารถจักรยานยนต์ รวมจำนวน 13 คัน ที่ทำไว้กับผู้ที่เช่ารถ มีด้วยกัน 5-6 คน ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่จังหวัดกระบี่ แต่หนึ่งในนั้นมีผู้หญิงเป็นอาจารย์โรงเรียนชื่อดังใน จ.กระบี่ เช่าไป 5 คัน เป็นหลักฐานเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สุนทร คำภาพันธ์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองกระบี่ หลังจากถูกกลุ่มบุคคลดังกล่าวเชื่อว่าเป็นแก๊งเดียวกันเช่ารถพร้อมกับไม่จ่ายค่าเช่ารถ และไม่นำรถจักรยานยนต์ที่เช่ามาคืนให้ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น วานนี้ (31 พ.ค.)
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเหยื่อที่ถูกแก๊งหลอกรถเช่าในพื้นที่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ โผล่แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะลันตา ว่า ถูกแก๊งเช่ารถ ทำทีเข้ามาเช่ารถแล้วเชิดรถหนี ติดต่อไม่ได้ สงสัยอาจจะเป็นแก๊งเดียวกันหรือมีความเชื่อมโยงกันเนื่องจากพฤติกรรมคล้ายกัน
โดย น.ส.เอ (นามสมมติ) ให้ข้อมูลว่า สำหรับรถของตนที่ถูกแก๊งหลอกเช่ารถเช่าแล้วเอาไปจำนำตนตามกลับคืนมาได้แล้ว ถูกนำไปจำนำไปกับนายทุนคนหนึ่งในพื้นที่ แต่คนก่อเหตุยังลอยนวล โดยรถที่คนร้ายเข้ามาหลอกเช่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดรวม 27 คัน โดยส่วนตัวไม่รู้จักผู้ที่มาเช่า แต่เห็นในบัตรประชาชนเป็นคนในพื้นที่ อ.เกาะลันตา เลยเชื่อใจให้เช่าไป โดยมาเช่าครั้งละ 1-2 คัน แต่ละครั้ง 3-5 วัน จะมีการโอนเงินค่าเช่ามาให้ตลอด
และได้มาเช่ารถเพิ่มอีกอย่างต่อเนื่อง แต่พอมาหลังๆ เริ่มผิดนัดค่าเช่ารถเลยเกิดความสงสัย และพยายามสอบถามคนเช่าว่าเอารถไปไว้ที่ไหนหรือให้ใครทำอะไร ทางผู้เช่าตอบไม่ได้และพยายามตอบบ่ายเบี่ยงมาตลอด ถึงแม้ว่าตนบอกว่าค่าเช่าไม่เอาแล้วจะเอาแค่รถกลับ แต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด 2-3 เดือน โดยครั้งแรกผู้เช่ารายนี้ได้เช่ารถไปรวมจำนวน 20 คัน แต่พอมาหลังๆ ได้ให้เพื่อนมาเช่าไปอีก 7 คัน รวมทั้งหมด 27 คัน
หลังจากที่เชื่อว่าถูกหลอกเช่ารถไปจำนำแล้ว พยายามออกตามหาคนเช่า ได้ไปพบตัวอยู่ที่แห่งหนึ่งในพื้นที่เกาะลันตา แล้วนำตัวมาที่ สภ.เพื่อทำการแจ้งความดำเนินคดี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ข้อหายักยอกทรัพย์ และยังพบว่ามีผู้เสียหายอื่นๆ อีกหลายราย ที่รู้ประมาณ 5 ราย มีทั้งรถมอเตอร์ไซค์ของตนและรถยนต์หรู ซึ่งทุกคนได้รถคืนมาแล้ว หากว่าตามกลับมาไม่ได้ค่าเสียหายหลายล้านบาท
เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งหาของกลาง คืนเจ้าของ และติดตามตัวคนก่อเหตุทั้ง 2 แห่งมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป