พัทลุง - ตำรวจพัทลุงควบคุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับศาล คาดอาจเชื่อมโยงคดีอุ้มหาย ด้านผู้ต้องหาวอนอย่าจับแพะ ยืนยันไม่ได้อุ้มฆ่าใคร แต่ถูกตำรวจจับยัดข้อหา
วันนี้ (31 พ.ค.) พ.ต.ท.วิรัตน์ จีนเมือง รอง ผกก.สภ.นาขยาด จ.พัทลุง หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรพัทลุง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงค์ ผกก.สืบสวนตำรวจภูธรพัทลุง พ.ต.ต.จำเริญ อินทร์แก้ว สว.กก.ตชด.11 ชุดสืบสวนคดีสำคัญ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำหมายศาลจังหวัดพัทลุง ที่ จ.158/2566 ออกวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 จับกุมตัว นายธัญเทพ หรือเวิร์ล ชุ่นคง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 2 ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง ในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่า ร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในชุมชนเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยเหตุเกิดช่วงกลางคืนวันที่ 10 มกราคม 2566 ในท้องที่ ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง หลังมีเรื่องทะเลาะกับ นายดอย หรือเจษฎา สุวรรณรัตน์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58 หมู่ 11 ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง ก่อนที่นายดอย จะไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง จนพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับดังกล่าว
ต่อมา นายดอย หรือเจษฎา สุวรรณรัตน์ อายุ 40 ปี ได้หายตัวไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 แม่ได้เข้าแจ้งความคนหายต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง เพื่อให้ติดตามแต่คดีไม่คืบหน้า ญาติหวั่นจะถูกอุ้มฆ่า จึงได้เข้าร้องต่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ก่อนจะสั่งให้คลี่คลายคดี โดย พ.ต.อ.ยศวรรธน์ กระจ่างวงค์ ผกก.สืบสวนตำรวจภูธรพัทลุง ได้สอบปากคำผู้ต้องหาตามศาลอนุมัติหมายจับ เบื้องต้น นายธัญเทพ หรือเวิร์ล ชุ่นคง ให้การภาคเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุพยายามฆ่านายดอยแต่อย่างใด และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายดอยด้วย
นายธัญเทพ หรือเวิร์ล ยังกล่าวอีกว่า ในคืนเกิดเหตุตนเองมากับนายซัน ที่ถูกออกหมายจับไปแล้วก่อนหน้านี้ หลังจากภรรยาของนายซัน บอกว่า นายดอย มาอาละวาดโวยวายบริเวณหน้าบ้าน จึงได้ขับรถมาดู ก่อนเห็นนายดอยชักปืนออกมา ทำให้ตนเองและนายซันขับรถหนี ในวันนั้นทั้ง 2 คน ไม่ได้พกอาวุธปืนมาแต่อย่างใด และไม่ได้ยิงด้วย โดยในวันที่ 22 มีนาคม 2566 วันที่นายเจษฎาหายตัวไป ตนเองก็ไม่รู้เรื่อง และจำได้ว่าตนเองอยู่บ้าน
ด้านนายซัน หรือนายวุฒิชัย ขำยา ผู้ต้องหาที่ศาลอนุมัติหมายจับอีกคน ยืนยันว่าไม่ได้อุ้มฆ่าใคร แต่ถูกตำรวจยัดข้อหา วอนตำรวจอย่าจับแพะ โดยก่อนหน้านี้ได้ถูกจับกุมข้อหาฐานพยายามฆ่า และมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตกับเจ้าตัว หลังจากตำรวจสืบทราบมาว่าช่วงวันที่ 10 มกราคม ก่อนที่นายเจษฎาจะหายสาบสูญไป ได้เกิดมีปากเสียงกับตนเอง
ซึ่งเจ้าตัวยืนยันความบริสุทธิ์ว่า ตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องหรือเคยทำร้ายนายเจษฎาแม้แต่น้อย และเป็นฝ่ายนายเจษฎาที่เป็นคนมาหาเรื่องระราน และชักปืนขู่ตนเองด้วยซ้ำ แต่ตนเองกลับถูกตำรวจออกหมายจับฐานพยายามฆ่า