จากนาบอนถึงริมฝั่งเจ้าพระยา โดย.. ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที
หลินลี่ยี่ (林礼怡) คือ พี่ชายคนหนึ่งของพ่อ ที่ต้องเดินทางกลับแผ่นดินใหญ่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนหน้าที่ความสัมพันธ์ไทยจีนจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในปี 2518
การรับรู้ในงานเคลื่อนไหวต่างๆ ถือเป็นปริศนาที่หยุดนิ่งอยู่นานหลายปี กว่าความจริงจะได้รับการบอกเล่าให้รุ่นลูกได้ทราบความจริง พ่อของผมเล่าให้ฟังว่า ลุงหลินลี่ยี่ ออกเดินทางจากประเทศไทยหลังจากเหมาเจ๋อตงได้ประกาศตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นได้ 3 ปี ข่าวสารความเป็นไปได้หายไปจากการรับรู้ของครอบครัวญาติจากเมืองไทย และหลุมฝังศพแม่ของลุงหลินลี่ยี่ ได้ฝังร่างอยู่ที่สุสานชาวจีนโพ้นทะเลอำเภอนาบอน จังหวัดนครศรีธรรมราช
ลุงหลินลี่ยี่ ออกจากบ้านที่กู่เถียน ฟุโจวตอนอายุ 6 ขวบ เพื่อติดตามพ่อและแม่มาตั้งรกรากบนแผ่นดินหนานหยาง "ชุมชนชาวจีนฮกจิว อำเภอนาบอน" ในช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่สองญี่ปุ่นบุกจีน สำนึกความรักในมาตุภูมิ ทำให้ลุงหลินลี่ยี่ได้เข้าร่วมทำงานเคลื่อนไหวประสานงานให้สหพันธ์ชาวจีนโพ้นทะเลของคาบสมุทรมาลายูให้แก่ "โจวเอ็นไหล"
ระยะเวลานั้นการประกาศก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนยังไม่ได้มีการประกาศสถาปนา การระดมทุนเพื่อหนุนช่วยไปยังกลุ่มทำงานในมาตุภูมิเพื่อการปลดปล่อยของพรรคคอมมิวนิสต์จีนบทบาทของชาวจีนโพ้นทะเลในคาบสมุทรมาลายูถือเป็นพื้นที่สำคัญที่โจวเอ็นไหลได้จัดตั้งขึ้น ในปี 1952 มีคำสั่งให้ลุงหลินลี่ยี่ และเหลียวเฉิงจื่อ นักการทูตคนสำคัญของโจวเอ็นไหล ผู้เขียนจดหมายถึงจอมพลเชียงไคเช็ค แจ้งความมุ่งหมายถึงการรวมชาติของโจวเอ็นไหลให้ไต้หวันได้ทราบ
โจวเอ็นไหลมีความประสงค์ขอให้ทั้งหลินลี่ยี่ และเหลียงเฉิงจื่อ สองท่านกลับเข้ามาช่วยงานที่กรุงปักกิ่ง เพื่อไปช่วยงานการประสานงานกับชาวจีนโพ้นทะเล ช่วงเวลานั้นคงขาดทรัพยากรบุคคลกรคนทำงานในยุคสร้างจีนใหม่และต่อมา
นายกโจวเอ็นไหล มอบหมายให้หลินลี่ยี่ดูแลเป็นผู้อำนวยการการลงทุนของชาวจีนโพ้นทะเลในเกาะไหหลำ หลินลี่ยี่ได้ทำหน้าที่ ส่งเสริมการลงทุนจากทุนชาวจีนโพ้นทะเลจากหนานหยางอย่าซื่อสัตย์ต่อมาตุภูมิ
รัฐบาลจีนได้ดูแลลุงเป็นอย่างดีในวัยเกษียณ และสิ้นลมที่โรงพยาบาลเซินเจิ้นในปี 2557
เรื่องราวบุคคลผู้มีส่วนในการสร้างชาติจีนใหม่ บุคคลเล็กๆ ในประวัติศาสตร์ มีเรื่องราวมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้องกับชาวจีนโพ้นทะเลฮกจิวของอำเภอนาบอนในภาคใต้ของประเทศไทย