สัมภาษณ์พิเศษ โดย.. ศูนย์ข่าวภาคใต้
บ้านใหญ่ตรังหลังใหม่ “โกหนอ” สมชาย โล่สถาพรพิพิธ มองผลเลือกตั้ง “ประชาธิปัตย์” ต้องรีแบรนด์ ชี้ “เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น” ใช้ไม่ได้แล้ว เผยตรังแตก เพราะผู้ใหญ่ไม่เคลียร์ปมบาดหมาง
ภายใต้ความพ่ายแพ้ในภาพรวมสมรภูมิเลือกตั้งของ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่ได้มา ส.ส.มาเพียง 24 ที่นั่ง ได้ปรากฏภาพการก่อตัวของขุมกำลังใหม่ภายในพรรคในสายภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยมี “บ้านใหญ่” เดิม ได้ถูก “ปิดสวิตช์-ปฏิวัติเงียบ” เปลี่ยนอำนาจใหม่ไปด้วยเช่นกัน เช่น จ.ตรัง บ้านเกิดของ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เกิดการเปลี่ยนขั้วอำนาจของบ้านใหญ่จากบ้าน “หลีกภัย” มาที่บ้าน “โล่สถาพรพิพิธ” แทน
ฐานอำนาจเดิมของ “บ้านโล่ฯ” อยู่ที่เขต 3 พื้นที่ของ “สุณัฐชา” บุตรสาวของ “โกหนอ” สมชาย โล่สถาพรพิพิธ” อดีต ส.ส.ตรังหลายสมัย แม้บ้านโล่ฯ จะได้ ส.ส.มาเพียง 2 เขต จาก 4 เขตของตรัง แต่ไม่เป็นปัญหา เพราะ “โกหนอ” ยังมีคอนเน็กชันต่อติดได้กับ “ทวี สุระบาล” ว่าที่ ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับคะแนนเสียงสูงที่สุดในประเทศ เพื่อนเก่าที่เคยไปช่วยเวที “คนไม่เอาสาทิตย์” กันมา รวมถึง “กำนันผู้มากบารมี” ผู้ให้การสนับสนุน “ถนอมพงศ์ หลีกภัย” ว่าที่ ส.ส.ตรัง เขต 1 พรรครวมไทยสร้างชาติ จน “นายหัวชวน” ต้องออกมาพูดถึงด้วย
หลังผลการเลือกตั้ง ท่ามกลางสปอตไลต์การเมืองที่สาดส่องย้ายมุมมายัง “บ้านใหญ่” อ.ย่านตาขาวตรัง “โกหนอ” เปิดใจบอกเล่าในทุกคำถาม ทั้งฉากหน้า และหลังม่านการเมือง
๐ จากผลการเลือกตั้ง มองประชาธิปัตย์ในภาพรวม และประชาธิปัตย์ตรังในวันนี้อย่างไรในแง่ความนิยมประชาชน
สมชาย : “ผมมองว่าประชาธิปัตย์ต้องรีแบรนด์ใหม่ทั้งหมด จะเอาแต่ด่าคนอื่น เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่นคงไม่ได้แล้ว ต้องปรับแนวทางใหม่ทั้งหมด ยิ่งด่ายิ่งเละ ถ้าดีแต่พูดมันคงไปไม่รอด เพราะบริบททางการเมืองเดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนใหม่ หลังจากที่ คสช.ยึดอำนาจมา 8 ปี มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว มีคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นเยอะ ควรจะไปในรูปแบบของออนไลน์มากกว่า”
๐ ทำไมเขต 3-4 ตรัง ที่คุณสมชายดูแลอยู่ จึงยังรักษาฐานที่มั่นไว้และได้เพิ่มมาได้
สมชาย : เราก็เหนื่อยนะ เขต 3 และ 4 ที่ผมดูแลและเป็นหัวคะแนนให้ แต่เราก็รอดผ่านมาได้ ด้วยความสนิทสนม ความคุ้นเคย ความผูกพันกับผู้นำองค์กรต่างๆ เช่น ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายก อบต.ต่างๆ ซึ่งได้ช่วยกันพาให้ผ่านพ้นมาได้
“ที่ผ่านมาผม นายกฯ ชาย และนายเฉลิมชัย ได้ใช้ระบบทำโพลเลือกว่าที่ผู้สมัครตรังเขต 4 พอได้นายกาญจน์ มาแล้วตอนนั้นมีคนในพรรคพูดว่า ถ้าเลือกตั้งแล้วนายสมบูรณ์ ชนะ นายกาญจน์ ผมจะรับผิดชอบอย่างไร ผมว่าผมรับผิดชอบ ให้ทำอะไรบอกมาเลย แล้วผมก็ถามกลับว่า แล้วถ้าผลโพลออกมาว่านายสมบูรณ์ แพ้นายกาญจน์ และ นพ.ตุลกานต์ มักคุ้น ผู้สมัครเขต 1 สอบตก แล้วใครจะรับผิดชอบ ก็เงียบกันหมด ไม่มีใครพูด”
๐ ในอนาคตหากยังช่วยพรรคอยู่ เขต 1 และ 2 จะส่งผู้สมัครลงไปแย่งเก้าอี้ ส.ส.กลับมาเป็นของประชาธิปัตย์ไหม
สมชาย: “ถ้าร่วมมือสามัคคีกันหมด จ.ตรังยังไปได้ แต่ตอนนี้ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า มันแตกแยกกันจนเป็นช่องโหว่ เป็นรอยร้าวให้พรรคอื่นมาแทรกได้ ความไม่สามัคคีกันและเมื่อมีปัญหาระหว่างกัน ก็ไม่มีคนมาเคลียร์ หรือมาประสานงาน ทำไมต้องมาแยกมาแย่งกัน ตัวอย่างเรื่องการเลือกตั้งนายก อบจ.ตรัง ทำไมผู้ใหญ่ไม่มาเคลียร์ สุดท้ายต้องมาแข่งกันจนก่อให้เกิดความแตกแยก ผมว่ามาจากจุดนี้สำคัญที่สุด”
“ผมว่าเกิดจากความแตกแยกในตรัง แล้วไม่มีใครมารับผิดชอบดูแลหรือไกล่เกลี่ยเพื่อให้เป็นเนื้อเดียวกัน ปล่อยปัญหาให้คาราคาซังและขยายวงกว้างขึ้น เมื่อแต่ละเขตไม่ช่วยเหลือเกื้อหนุนกัน ความแตกแยกมาก ทำให้แต่ละคนโดดเดี่ยวโดนโจมดีได้ง่าย ซึ่งหากทุกคนเป็นเนื้อเดียวกันในตรังใครจะมาตีประชาธิปัตย์คงยาก และเราจะไม่เห็นแลนด์สไลด์ในเขต 2 ที่ส่งผลมาจากการเลือกตั้งนายก อบจ.ตรัง ต้องยอมรับความเป็นจริง มีใครจะคาดคิดว่า ส.ส.7 สมัย (นายสาทิตย์) จะได้คะแนนเลือกตั้งแค่หมื่นกว่าคะแนน และคู่แข่งที่เคยได้แค่ 5,000 คะแนน (นายทวี) กลับมาได้คะแนนถึง 60,000 กว่าคะแนน จะเห็นได้ว่าอะไรก็เปลี่ยนแปลงหมด ฉะนั้นต่อไปเราจะดีแต่พูดไม่ได้แล้ว ต้องทำด้วย”
๐ อย่างพรรคภูมิใจไทยพยายามเข้ามาเจาะตรังในเขต 1 และ 4 ด้วย ต้องสู้หนักไหม
สมชาย : ภูมิใจไทยพยายามจะตอกเสาเข็ม แต่เสาเข็มหักหมดทั้ง 2 เขต แม้ผู้สมัครของเขาจะแข็งแกร่ง แต่เขตของเราก็แข็งแกร่งเหมือนกัน เพราะเรามีฐานระดับท้องถิ่นหนาแน่น
๐ ภูมิใจไทยส่ง นายดิษฐ์ธนิน ภาคย์อิชณน์ ซึ่งเป็นหลานของคุณสมชาย เองลงสมัครเขต 4 แต่ต้องแพ้อีก จะเพิ่มรอยร้าวระหว่างคุณสมชาย กับหลาน รวมถึงกับภูมิใจไทยไหม
สมชาย : เรื่องความเห็นไม่ตรงกันกับหลาน ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนะ แต่รออาจจะมีโอกาสดีได้คุยกัน เพราะมันคงไปไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นลูกหลาน แต่การเลือกตั้งรอบก่อน (ปี 2562) เขาได้มาแข่งกับ น.ส.สุณัฐชา ในเขต 3 และการเลือกตั้งรอบนี้มาลงนามพรรคภูมิใจไทย ในเขต 4 ผมว่าโอกาสดีๆ จะได้คุยกัน จริงๆ แล้วเขต 4 ตรัง เสียงของประชาธิปัตย์เองไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ เพราะมีคนที่อยู่ฝั่งข้ามประชาธิปัตย์ค่อนข้างเยอะ
๐ จากผลการเลือกตั้งมองความนิยมต่อประชาธิปัตย์ลดลงหรือไม่
สมชาย : ลดลงครับ ในอดีตคน จ.ตรังที่ไม่เลือกประชาธิปัตย์มีประมาณ 50,000 คน ไม่ว่าจะลงนายก อบจ. หรือ ส.ส.ก็แล้วแต่ แต่เดี่ยวนี้คนไม่เลือกประชาธิปัตย์มีมากถึง 2 แสนคน เมื่อก่อนคนเฒ่าคนแก่ในตรังจะโทร.ไปหาลูกหลานที่ กทม.หรือต่างจังหวัด ว่าให้เลือกประชาธิปัตย์ แต่ตอนนี้กลับกัน คนตรังที่อยู่ กทม.กลับโทร.มาบอกพ่อแม่พี่น้องว่าให้เลือกพรรคอื่น นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งบางคนยังไม่รู้ แต่นี่คือข้อเท็จจริง
๐ แล้วประชาธิปัตย์หลังจากนี้ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร
สมชาย : ต้องเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ทั้งระดับพรรคและระดับพื้นที่ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเหลืออีกกี่คน หรือ จ.ตรัง อาจจะไม่เหลือที่นั่งเลยก็ได้ ถ้าหากยังอยู่แบบนี้ เขาบอกว่าเที่ยวนี้นโยบายเราทันสมัย แต่ในความรู้สึกของประชาชนไม่รู้เขาจะคิดว่าทันสมัยรึเปล่า แต่ในแนวทางประชาธิปัตย์ก็เป็นแบบนี้ตลอด นโยบายไม่ค่อยกินใจคน
หลังจากคุณจุรินทร์ ลาออก และต้องตั้งหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคใหม่ เรื่องขั้วอาจจะเปลี่ยนว่าใครเข้าไปกุมอำนาจมากก็ได้เป็นฝ่ายนั้น ซึ่งตัวเลือกมีหลายคน ขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ของเขา ผมไม่มีอำนาจอะไรจะไปเสนอ เป็นเรื่องของกรรมการบริหารในชุดรักษาการชุดเก่ากับชุดใหม่ที่ต้องเชื่อมต่อรอยต่อนี้ให้เข้ากัน เพื่อให้พรรคเดินไปข้างหน้าได้ ประชาธิปัตย์เราไม่หมดหวังไปเสียทีเดียว ผมเชื่ออย่างนั้น
๐ การหาหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ตอนนี้มีการพูดชื่อ มาดามเดียร์-น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือแม้แต่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาฟื้นฟูพรรค
สมชาย : คุณอภิสิทธิ์ คงไม่ใช่ ส่วนมาดามเดียร์ต้องยอมรับว่าเป็นคนเก่ง ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีตัวเต็ง ตอนนี้บริบทการเมืองมันเปลี่ยนไปเรื่อย
๐ การปราศรัยในหลายๆ ครั้งของนายชวน พูดถึงกระแสเงินบุกภาคใต้ โดยเฉพาะที่ตรังที่มีทั้งเงินและอิทธิพลของกำนันคนดังที่ผลต่อคะแนนเลือกตั้ง
สมชาย : “มีผล แต่ไม่รู้ลบหรือบวก ก็ดูคะแนนที่ออกมาเอาเอง บางทีการว่าคนโน้นคนนี้ บางครั้งข้อเท็จจริงไม่ปรากฏ จึงไม่ทราบว่าเป็นบวกหรือลบ ผมจึงบอกว่าวันนี้ต้องรีแบรนด์ใหม่ ปรับปรุงใหม่”
๐ หลังเลือกตั้งได้คุณกับนายชวนบ้างหรือไม่ และได้คุยกับนายทวี ในฐานเพื่อนเก่าไหม
สมชาย : กับนายชวนผมไม่ได้เจอท่านเลย ท่านคงมีภารกิจ ส่วนคุณทวี เขาได้โทรศัพท์มาขอบคุณ ซึ่งผมว่าผมไม่ได้ช่วยอะไรคุณทวีเลย แต่โทร.มาขอบคุณผมคนเดียว ซึ่งผมเริ่มต้นจากรวมพลคนไม่เอาสาทิตย์ แต่ตอนหลังผมไม่ได้เข้าไปในเขต 2 เลยนะ แต่มันอาจจะเป็นผลพวงที่เกาะเกี่ยวกันมาตลอด
“รอบนี้ผมมีสายสัมพันธ์กับผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่นเยอะ หลายคนเข้ามาช่วยกัน ผมเป็นหัวคะแนนคนหนึ่ง อย่าไปว่าผมเป็นบ้านใหญ่หรือบ้านเล็กเลยครับ ผมพยายามทำหน้าที่ในฐานะที่เป็นอดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ แต่ผมประกาศตลอดว่าจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ประสบความสำเร็จ 2 เขตถือว่าดี แต่โอกาสหน้าถ้าจะเอาจริงๆ ต้องทำใหม่หมด”
๐ กระแสของผู้สนับสนุนพรรคอยากให้ประชาธิปัตย์ไปจับขั้วรัฐบาลหรือให้เป็นฝ่ายค้าน
สมชาย : ส่วนใหญ่คนประชาธิปัตย์ไม่อยากให้ร่วมกับพรรคที่แก้ไขมาตรา 112 แต่กระแสสังคมจะเรียกร้อง กระแสสังคมที่ว่านั้นมาจากหลายฝ่าย ต้องขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะเลือก หรือตัดสินใจอย่างไร เรื่องนี้ต้องรอบคอบ