ยะลา - เจ้าอาวาสวัดนิโรธสังฆาราม อ.เมืองยะลา เข้าแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดี “อดีตพระปลัด” หลังปาราชิกแล้ว พบเงินบริจาคของวัดหายเกลี้ยงทุกบัญชี
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่วัดนิโรธสังฆาราม (วัดหัวควน) อ.เมือง จ.ยะลา โดยทาง พระโสภณธรรมมุนี ดร.เจ้าอาวาสวัดนิโรธสังฆาราม รองเจ้าคณะจังหวัดยะลา พระลูกวัด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน สภ.เมืองยะลา และเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดยะลา ได้เปิดกุฏิของอดีตพระ เพื่อเข้าทำการตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม โดยเฉพาะสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารในนามชื่อวัด รวมทั้งรายรับรายจ่ายเงินภายในวัด และเอกสารสำคัญต่างๆ ที่เกี่ยวกับวัดทั้งหมด
พระโสภณธรรมมุนี ดร.เจ้าอาวาสวัดนิโรธสังฆาราม เปิดเผยว่า วันนี้ได้ดำเนินการเปิดกุฏิอดีตพระ เพื่อตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัด โดยเฉพาะสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ขณะนี้ได้มีการติดต่อไปยังธนาคาร เพื่อขออายัดบัญชีเงินฝากธนาคารของวัด ซึ่งจากการตรวจสอบสมุดเงินฝากธนาคารในเบื้องต้นพบความผิดปกติของการเบิกถอนเงิน นอกจากนี้ จะดำเนินการเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองยะลา ให้เป็นไปตามกระบวนการของทางเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ หลังจากคณะสงฆ์จังหวัดยะลา ได้มีมติสงฆ์ให้พระศิจะพรรณ พ้นจากความเป็นพระหรือปาราชิก ไม่ได้มีการติดต่อกัน ในเบื้องต้นบัญชีของวัดมีการเปิดบัญชีประมาณ 5-7 บัญชี เป็นบัญชีที่ใช้ในงานเฉพาะที่แตกต่างกัน แต่พบความผิดปกติ ให้เป็นไปตามกระบวนการของทางเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมา การเบิกจ่ายเงินจากบัญชีธนาคารของวัดไม่พบความพิรุธ หรือผิดปกติแต่อย่างใด เมื่ออดีตพระนำใบเบิกถอนเงินมาให้ตรวจดูเอกสาร จากนั้นก็เซ็นให้ตามปกติ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้พบผู้เสียหายที่ได้ทำการจองป้ายชื่อเพื่อนำกระดูกของบรรพบุรุษมาเก็บไว้ที่วัดได้มาแจ้งว่าจ่ายเงินไปแล้ว แต่แผ่นป้ายยังไม่เสร็จ ขอให้นำหลักฐานการจ่ายเงินมา ซึ่งหากไม่มีให้นำพยานมายืนยัน ทางวัดยินดีคืนเงินให้ ความรู้สึกในตอนนี้ เมื่อไหร่ที่มีลาภ มียศ มีสรรเสริญ มีความสุข จะเกิดความโลภขึ้น กระตุ้นความอยาก นำไปสู่การทุจริตต่างๆ จนนำไปสู่ทางตรงกันข้าม เสื่อมลาภ เสื่อมยศ เป็นทุกข์ และลุกลามไปถึงผู้อื่นให้รับความเดือดร้อนไปด้วย ซึ่งจากนี้ไปทางวัดจะแต่งตั้งพระรูปใหม่ที่จะมาทำหน้าที่เป็นพระเลขาของวัด ต้องมีการคัดเลือกพระ โดยเมื่อมาบวชต้องมีการรับรองยืนยันจากพระชั้นผู้ใหญ่
นางอมร สะอาด ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดยะลา เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบภายในกุฏิพบทะเบียนวัด เสมือนทะเบียนบ้านของวัด สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร พระโสภณธรรมมุนี ดร.เจ้าอาวาสวัดนิโรธสังฆารามหลายเล่ม หนังสือสุทธิของอดีตพระศิจะพรรณ หรือบัตรประชาชนพระ ซึ่งทางเจ้าอาวาสจะได้ลงบันทึกในหมายเหตุว่าได้ลาสิกขาไปแล้ว ไม่สามารถที่จะไปใช้ที่อื่นได้อีก นอกจากนี้ ยังพบสมุดรายรับรายจ่าย การทำบัญชีของวัด ซึ่งหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบ โดยทางเจ้าอาวาสจะเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองยะลา และเดินทางไปธนาคารเพื่อเปิดสมุดบัญชีเล่มใหม่ และทำการอายัดเงินในสมุดบัญชีที่เคยใช้งานทั้งหมด จากการสอบถามไวยาวัจกรของวัด พบว่ามีบัญชีที่ทางวัดใช้เป็นประจำ จำนวน 2 บัญชี 2 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารธนชาต เบื้องต้นได้ประสานกับทางธนาคารเรียบร้อยแล้ว
ด้านนางสมปอง หนูเพชร อายุ 83 ปี ชาวพุทธที่เดินทางมาทำบุญในวันพระ เปิดเผยว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าอดีตพระดังกล่าว ซึ่งเป็นคนเก่งในการจัดงานทุกกิจกรรมของวัด กลับกลายเป็นมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม จนคณะสงฆ์มีมติให้พ้นจากความเป็นพระ คนเรามีทั้งที่ดีและไม่ดี แต่ความศรัทธาในพระพุทธศาสนายังไม่เสื่อมคลาย ยังไงจะยังคงมาทำบุญ และปฏิบัติธรรมที่วัดเช่นเดิม การกระทำที่เกิดขึ้นเป็นเฉพาะตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับความศรัทธาในพระพุทธศาสนา
