วันนี้เราจะพาทุกคนไปท่องเที่ยวธรรมชาติ ล่องเรือแจวโบราณ ฟังเสียงไม้พายกระทบน้ำ ฟังเสียงจากป่า อาบแสงแรกของวัน ทานอาหารเช้าท่ามกลางพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ โผล่พ้นทิวเขา ที่ “ทุ่งหยีเพ็ง” เกาะลันตา จ.กระบี่
เมื่อไปเที่ยวเกาะลันตา จ.กระบี่ เชื่อว่าหลายคน จะต้องนึกการไปล่องเรือชมความสวยงาม เล่นน้ำตามเกาะแก่งต่างๆ หรือไม่ก็ไปดำน้ำสัมผัสโลกใต้ทะเล หรือเลือกที่จะนอนอาบแดด ทำกิจกรรมบนชายหาด แต่วันนี้เรามีกิจกรรมท่องเที่ยวที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของเกาะลันตามาฝากทุกคน ที่อยากจะมาแนะนำให้ทุกคนได้ไปสัมผัส รับรองว่าจะฟินไปกับธรรมชาติที่เงียบสงบ และความสวยงามของพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ โผล่พ้นทิวเขา ที่ทุ่งหยีเพ็ง
ที่นี่...ทุกคนจะได้ล่องเรือแจวโบราณ เรือออกจากท่าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง บรรยากาศยังมืดๆ เรือล่องไปตามลำคลองเล็กๆ ที่สองข้างเต็มไปด้วยป่าโกงกางที่สมบูรณ์ ในบรรยากาศที่เงียบสงบ นั่งฟังเสียงไม้พายกระทบน้ำเบาๆ โดยไม่มีเสียงเครื่องยนต์มารบกวน เรือจะล่องไปอย่างช้าๆ สัตว์ต่างๆ ในป่าชายเลนเริ่มตื่นและส่งเสียงร้อง เราถูกโอบล้อมไปด้วยเสียงจากป่าชายเลนที่ขับกล่อมเบาๆ มองไปข้างหน้าจะเห็นแสงเริ่มจับที่ขอบฟ้า และเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่ต่ำกว่า 6 แสงในแต่ละวัน
เรือล่องพ้นลำคลองเข้าสู่ปากอ่าวลันตา มองไปข้างหน้าจะเห็นทะเลและทิวเขาสุดลูกหูลูกตา พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่พ้นทิวเขาขึ้นมาเป็นดวงกลมโต นั่งหัวเรืออาบอรุณ อ้าแขนรับแสงแรกของวัน สูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปลอด ชาร์จแบต เติมพลังให้ตัวเอง ผ่อนคลายด้วยการจิบกาแฟ กอนอาหารท้องถิ่นของชาวเกาะลันตา ข้าวเหนียวดำกับปลาแดดเดียวทอด และขนมท้องถิ่นที่แสนอร่อย ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเช้า
เต็มอิ่มกับธรรมชาติกันแล้ว ฝีพายจะค่อยพายเรือพาทุกคนกลับ ช่วงนี้พระอาทิตย์โผล่พ้นทิวเขาไปแล้ว แสงเริ่มมา เราจะเห็นวิวทิวทัศน์ที่ชัดเจนขึ้น มองเห็นทะเลในมุมกว้าง มองเห็นทิวเขาสุดลูกหูลูกตา เห็นความสมบูรณ์ของระบบนิเวศป่าชายเลนสองข้างลำคลอง น้ำทะเลเริ่มลด เห็นปูดาบ ปลาตีน ลิงแสมออกมาหากินตามธรรมชาติ
คุณนราธร หงษ์ทอง หรือคุณนัท ประธานท่องเที่ยวชุมชนทุ่งหยีเพ็ง บอกกับเราว่า วิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชนทุ่งหยีเพ็ง มีการขับเคลื่อนมากว่า 20 ปีแล้ว แต่ทริปล่องเรือแจวโบราณ “อาบอรุณ” เป็นทริปที่ได้ออกและให้บริการมาเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว ด้วยการพานักท่องเที่ยวออกไปชมและสัมผัสธรรมชาติที่อ่าวลันตา หรือทุ่งหยีเพ็ง ด้วยเรือแจวโบราณในช่วงเวลาที่ยังมืดอยู่ โดยออกจากท่าเรือในเวลา 05.40 น. ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่เงียบสงบ นักท่องเที่ยวจะได้ล่องเรือไปตามลำคลองท่ามกลางเสียงของธรรมชาติ เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวสัตว์ต่างๆ ในป่าชายเลนเริ่มตื่นนอน เสียงจากธรรมชาติเริ่มตื่นแล้วเช่นกัน ไปพร้อมกับเสียงของพายที่กระทบน้ำ จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายๆ ในยามเช้า
และเมื่อเราล่องไปสักระยะหนึ่ง เราจะเห็นว่าแสงก่อนพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมาก นับได้ประมาณ 6 แสง ซึ่งเป็นอีกไฮไลต์ของทริปนี้ เมื่อล่องออกไปถึงปากอ่าวจะเห็นธรรมชาติในมุมกว้างและเห็นพระอาทิตย์ที่ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากทิวเขาและองศาของพระอาทิตย์ที่โผล่ขึ้นมานั้นแต่ละวันจะไม่เหมือนกัน แต่ให้บรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นในทะเลในทุกวัน และทริปนี้เป็นการชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ไม่เหนื่อยเลย เหมือนนั่งอยู่ในห้องรับแขกของบ้าน และที่สำคัญในช่วงเวลาที่รอพระอาทิตย์ขึ้นเป็นช่วงเวลาที่เราได้ปล่อยตัวเองให้สบายๆ จิบกาแฟฟังเสียงธรรมชาติ อร่อยกับอาหารพื้นเมือง ที่เป็นข้าวเหนียวดำกับปลาแดดเดียวทอด และขนมพื้นเมืองของเกาะลันตา เป็นการท่องเที่ยวที่ใช้เวลากับห่วงโซ่ธรรมชาติ จะหาสัมผัสที่ไหนได้ จึงทำให้ทริปนี้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
และที่สำคัญเป็นทริปโลว์คาร์บอน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่กำลังเป็นเทรนด์ท่องเที่ยวในปัจจุบันและอนาคต เพราะเรือที่ใช้เป็นเรือไม้โบราณ และใช้คนแจว ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ ล่องไปช้าๆ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ กลับสู่ธรรมชาติอย่างแท้จริง
อยากพักกาย พักใจ ใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ท่ามกลางธรรมชาติ แนะนำให้ลองมาพักกาย พักใจ อิงแอบธรรมชาติที่ทุ่งหยีเพ็งกันสักครั้ง รับรองว่าจะไม่ผิดหวัง แต่ทริปนี้ต้องบอกก่อนว่า ต้องตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ตั้งแต่ตี 4 กว่าๆ จะต้องมาถึงที่ท่าเรือในเวลา 05.30 น. เรือจะออกจากท่าในเวลา 05.40 น.และกลับมาถึงท่าอีกครั้งในเวลา 08.00 น. เรามีเวลาใกล้ชิดและอิงแอบธรรมชาติที่แสนจะสงบ 2 ชั่วโมง
สำหรับผู้ที่สนใจจะล่องเรือแจว อาบอรุณแสงแรกของวัน สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่วิสาหกิจท่องเที่ยวชุมชนบ้านทุ่งหยีเพ็ง คุณนราธร หงษ์ทอง หรือคุณนัท ประธานชุมชนท่องเที่ยวทุ่งหยีเพ็ง โทร.08-9590-9173 หรือติดตามได้ที่เพจท่องเที่ยวชุมชนทุ่งหยีเพ็ง
