ตรัง - “นายหัวชวน” มาแล้ว! ช่วยผู้สมัครหาเสียงโค้งสุดท้ายตรังบ้านเกิด เผย “จุรินทร์-บัญญัติ” สั่งให้มาช่วยสู้กระแสเงิน เชื่อ ปชป.ได้เก้าอี้ปักษ์ใต้เพิ่ม แต่ไม่เท่าสมัยตัวเองเป็นหัวหน้าพรรคเพราะมีความเปลี่ยนแปลง เชื่อคนใต้ยังผูกพันกับพรรค ไม่กล้ารับรองกวาดตรังทั้ง 4 เขต
วันนี้ (5 พ.ค.) นายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นพ.ตุลกานต์ มักคุ้น ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ตรัง ลงพื้นที่ตลาดเทศบาลนครตรัง ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง พร้อมแจกบัตรแนะนำตัวผู้สมัครทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ โดยตลอดการลงพื้นที่ นายชวน และ นพ.ตุลกานต์ ได้ทักทายชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าที่ค้าขายในตลาด ซึ่งมีชาวบ้านมอบดอกไม้ และพวงมาลัยให้กำลังใจ รวมทั้งมีชาวบ้านมารอถ่ายรูปกับนายชวนด้วย โดยนายชวน หลีกภัย ได้จับไมโครโฟนบอกเล่าผลงานต่างๆ ที่ผ่านมา เช่น การผลักดันให้มีการเปิดวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยในจังหวัดตรัง การพัฒนาสนามบินตรัง สวัสดิการผู้สูงอายุ เงินกู้ กยศ. และได้ผลัดเปลี่ยนให้ นพ.ตุลกานต์ ได้พูดนำเสนอนโยบายส่วนตัวด้วย
นายชวน หลีกภัย กล่าวถึงการประเมินเสียงตอบรับในภาคใต้ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นเดิมของ ปชป. ว่า ถ้าเราย้อนกลับไปในอดีตจะเห็นว่าประชาธิปัตย์ในยุคที่ผมเป็นหัวหน้าพรรค ภาคใต้มีความมั่นคงอย่างน้อยร้อยละ 80 ของผู้สมัคร ส.ส.ได้รับการเลือกตั้งมาตลอด แต่ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้วเมื่อปี 2562 เริ่มมีปัญหาตำแหน่งของ ส.ส.ในภาคใต้หลุดไปเยอะ ซึ่งถือว่าการเลือกตั้งคราสนั้นมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับครั้งนี้เชื่อว่าน่าจะย้อนกลับมาได้มากกว่าเดิม คิดว่าสำหรับภาคใต้จะได้ที่นั่ง ส.ส.มากกว่าเดิม แต่ไม่อาจประเมินได้ว่าจะเพิ่มกี่ที่นั่ง ในส่วนของตรังนั้นตนไม่แน่ใจว่าจะได้ ส.ส.กี่ที่นั่ง เพราะไม่อาจไปประเมินอย่างนั้นได้ เพราะมีความเปลี่ยนแปลงในบางเรื่อง เช่น เขต 4 มีการเปลี่ยนไป โดยนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ต้องออกไป ซึ่งผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่ว่าเมื่อเป็นความเห็น และนโยบายของคณะผู้บริหารไม่สามารถคัดค้านได้ ทั้งที่ความจริงได้ขอร้องแล้วว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับเขา และเขาเป็นอดีต ส.ส.อันดับ 1 แล้วไปทำโพล ซึ่งนายสมบูรณ์ ยืนยันว่าโพลนั้นบิดเบือน ไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่ว่านั่นเป็นดุลพินิจ ดุลพินิจว่าอย่างนั้นก็ต้องไปอย่างนั้น แต่จะให้ตนยืนยันว่า จ.ตรัง จะได้ ส.ส.ทั้ง 4 เขต ต้องดูกันที่ผลการเลือกตั้ง ซึ่งตนจะลงพื้นที่ช่วยหาเสียงผู้สมัคร 3 เขต ส่วนเขต 4 ไม่อยากไปทำอะไรให้กระทบกระเทือนน้ำใจกัน เพราะนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เป็นเลขาของผม ตอนตนเป็นประธานสภา นายสมบูรณ์ ช่วยงานมาโดยตลอด แล้วจู่ๆ จะให้ผมไปหาเสียงทำลายเขา ผมทำไม่ได้ เราคบกันมาต้องคบกันตลอดไป ส่วนทางการเมืองมติพรรคเป็นอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
นายชวน กล่าวอีกว่า ส่วนกรณี นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือนายกชาย รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวปราศรัยที่ จ.ตรัง ระบุประเด็นกระแสอิทธิพลใน จ.ตรัง ที่เข้ามามีส่วนในการหาเสียงของผู้สมัครนั้น เมื่อวันก่อนนายกชายมาปราศรัย พูดไว้ชัดเจนพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องการมีอิทธิพล อำนาจเงินเข้ามา นั่นเป็นเรื่องจริงในหลายๆ จังหวัด ไม่ได้เฉพาะในจังหวัดตรัง อยากขอร้องให้ประชาชนตระหนักในอันตรายของเรื่องนี้ หากได้นักการเมืองที่เข้าไปได้ด้วยระบบเงิน ลงท้ายก็ต้องหาผลประโยชน์ การคอร์รัปชันทุจริตจะกระจายไปทั่ว จังหวัดตรังดีมาโดยตลอด เพราะนักการเมืองไม่โกง
“เรื่องอิทธิพลการข่มขู่จากกำนันคนดัง นายกชาย บอกไว้ชัดแล้วว่าอย่าไปกลัว และผมก็เห็นด้วย อย่าไปกลัวเพราะว่าโดยทั่วไปแล้วจังหวัดนี้จะมีนักเลง มีบ่อนการพนัน หรืออะไรก็ตามจะไม่มายุ่งกับการเมือง แต่ช่วงหลังเข้าใจว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไปบอกคนเหล่านั้น ซึ่งลำพังคนเหล่านั้นความอยู่รอด หากทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ความอยู่รอดต้องระวังอยู่แล้ว แล้ววันหนึ่งเมื่อมาทำการเมืองก็มีศัตรูมากขึ้น แล้วศัตรูเป็นคนสุจริตด้วย ก็เป็นอันตรายกับเขาเอง ผมว่าเขาเองคงไม่อยากทำ ถ้ามีโอกาสเป็นไปได้ขอให้ระวัง อนึ่งความโชคดีของ จ.ตรัง คือตำรวจของจังหวัดนี้ไม่ได้ซื้อตำแหน่งมา ทำให้เขาทำงานได้เต็มที่ไม่ต้องไปห่วงใย อย่างหลายจังหวัดที่ต้องเปิดบ่อนเพื่อหาเงินให้พรรคการเมืองหาเสียง ซึ่งแบบนี้เราต้องสาปแช่ง แล้วพี่น้องประชาชนเองต้องตระหนักว่า ตราบใดที่การใช้อำนาจอิทธิพลมาเป็นเครื่องมือหาเสียง แล้วให้โอกาสจังหวัดนั้นเปิดทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เปิดบ่อนเพื่อหาเงินให้นักการเมืองหาเสียง เช่นนี้จะเป็นอันตรายมาก จะต้องพยายามขจัดสิ่งเหล่านี้ออกไป พี่น้องชาวจังหวัดตรัง และทุกจังหวัด ถ้าหากได้ยินสิ่งนี้ สิ่งที่เราแก้ไขได้คือตัวประชาชนเองที่ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนเหล่านี้” นายชวน ระบุ