ตรัง - พืชผักหลายชนิดราคาพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในหน้าแล้งนี้ โดยเฉพาะ “ตะไคร้” ที่มีราคา 100 ต้น 150 บาท และ “มะนาว” ที่มีราคา กก.ละ 200 บาท สาเหตุจากอากาศที่ร้อนจัด ทำให้เพาะปลูกยาก และเสียหายเยอะ
นางอุไร ซุ้นกิจ เกษตรกรปลูกผักในพื้นที่ ต.นาบินหลา อ.เมือง จ.ตรัง บอกว่า ของตนเองตอนนี้มีเฉพาะผักบุ้งเท่านั้น ราคาส่ง กก.ละ 15-18 บาท ส่วนแปลงอื่นๆ กำลังเริ่มลงมือปลูก เช่น ข้าวโพด มะระ แตงกวา แต่ยังไม่ได้ผล และจะทยอยปลูกพืชผักชนิดอื่นๆ ตามมา วางแผนให้ออกหลังจากนี้ ซึ่งปกติช่วงหน้าแล้งคนที่มีแหล่งน้ำจะปลูกผักจำนวนมาก แต่หน้าแล้งนี้ตนพยายามจะปลูกผักตระกูลผักกาด เช่น ผักกาดขาว ผักกาดเขียว คะน้า กวางตุ้ง ฮ่องเต้ แต่ลงปลูกไปหลายรอบก็ไม่ได้ผล ต้นกล้าไม่ขึ้น คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากสภาพอากาศร้อนจัด หรือดินอาจจะร้อนเกินไป แม้จะรดน้ำก็ปลูกไม่ขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก ขณะที่ชาวบ้านจำนวนมากที่เคยปลูกพืชผักหน้าแล้ง ปีนี้ก็งดปลูกเช่นกัน เพราะอากาศร้อนมาก ทำให้ราคาสูงขึ้นทุกชนิด เพราะมีคนปลูกน้อย
ทั้งนี้ จากการสำรวจราคาพืชผักในตลาดสดเทศบาลนครตรัง บรรดาพ่อค้าแม่ค้าบอกว่า ช่วงนี้ราคาพืชผักจะสูงขึ้นทุกชนิด เช่น ตะไคร้ จากเดิม 100 ต้น ราคาประมาณ 30-40 บาท หรือเฉลี่ยต้นละ 30-40 สตางค์ และเคยแพงขนาด 100 ต้น ราคา 70 บาทมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ปีนี้กลับราคาพุ่ง 100 ต้น 150 บาท หรือเฉลี่ยต้นละ 1.50 บาท ซึ่งราคาไม่เคยสูงขนาดนี้มาก่อน ส่วนพริกขี้หนู ราคา กก.ละ 200 บาท ขึ้นฉ่าย กก.ละ 120 บาท ต้นหอม ผักชี กก.ละ 150 บาท มะระ กก.ละ 40 บาท คะน้า กก.ละ 50 บาท โหระพา กก.ละ 80 บาท กะเพรา กก.ละ 80 บาท ผักบุ้ง กก.ละ 30 บาท แตงกวา กก.ละ 25 บาท รวมทั้งมะเขือเปราะ ล่าสุด กก.ละ 40 บาท จากที่เมื่อก่อน กก.ละ 25-30 บาทเท่านั้น
ส่วนร้านจำหน่ายมะนาวในตลาดท่ากลาง ซึ่งเป็นแผงที่จำหน่ายมะนาวรายใหญ่ และราคาถูกที่สุดในเขตเทศบาลนครตรัง พบว่ามะนาวแป้น มะนาวสายพันธุ์ดีที่คนนิยมซื้อ จากเดิมราคา กก.ละ 120-180 บาท แต่ขณะนี้ราคาพุ่งไปอยู่ที่ กก.ละ 200 บาท จนพ่อค้าแม่ค้าไม่กล้าซื้อมาขาย เพราะกลัวขายไม่ได้ เนื่องจากราคาสูงเกิน ส่วนสาเหตุน่าจะเกิดมาจากการที่ปีนี้มีอากาศร้อนมาก รวมทั้งมะนาวที่วางจำหน่ายในขณะนี้มีผลขนาดเล็กกว่าปกติมาก เช่นเดียวกับตะไคร้ ช่วงหน้าแล้งนี้มีต้นเล็กมากเช่นกัน เนื่องจากบางแหล่งขาดแคลนน้ำ ทำให้พืชเติบโตช้า ปลูกได้ยาก หรือผลผลิตการเกษตรเสียหาย นอกจากนั้นยังมีปัญหาจากค่าไฟฟ้า และค่าขนส่งที่พุ่งสูงขึ้น แต่คาดว่าราคาพืชผักจะปรับตัวลดลงหลังฝนตก หรือมีสภาพอากาศดีขึ้น เหมาะต่อการกลับมาเพาะปลูกอีกครั้ง