ตรัง - ป.ป.ช.ตรัง บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครอง ตรวจติดตามกิจการดูดทรายในที่ดินกรรมสิทธิ์และในแม่น้ำ เพื่อคุมเข้มไม่ให้มีการลอบกระทำความผิด พร้อมยืนยันไม่มีการละเว้นหรือเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น
วันนี้ (26 เม.ย.) นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง มอบหมายให้นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ ป.ป.ช. พร้อมด้วยนายสมพร อ่อนขาว ปลัดอำเภอเมืองตรัง เดินทางลงพื้นที่สุ่มตรวจสอบกิจการดูดทรายในพื้นที่กรรมสิทธิ์และดูดทรายในแม่น้ำ ซึ่งท่าทรายแรกที่ลงตรวจสอบเป็นของบริษัท ยูนิแซนด์ จำกัด ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง ดูดทรายในพื้นที่กรรมสิทธิ์ ซึ่งท่าทรายแห่งนี้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง ได้มีการลงตรวจสอบเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 พบว่าการประกอบกิจการโรงงานไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการอนุญาต โดยมีแนวเส้นเขตที่ดินระยะห่างจากขอบบ่อน้อยกว่าที่ได้รับอนุญาต จึงได้สั่งการตามมาตรา 37 ให้มีการปรับปรุงแล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งจากการลงตรวจสอบล่าสุดพบว่าได้มีการดำเนินการแก้ไขปรับปรุงขอบบ่อแล้ว
ท่าทรายที่ 2 เป็นของบริษัท ท่าทรายช้างเจริญ จำกัด ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง ดูดทรายในแม่น้ำ ขุด ตัก ลอก หรือดูดทราย หรือดินสำหรับใช้ในกิจการก่อสร้าง ซึ่งท่าทรายแห่งนี้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง ได้มีการลงตรวจสอบเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 พบว่าการประกอบกิจการโรงงานไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการอนุญาต โดยมีแนวเส้นเขตที่ดินระยะห่างจากขอบบ่อน้อยกว่าที่ได้รับอนุญาต จึงได้สั่งการตามมาตรา 37 ให้มีการปรับปรุงแล้วเสร็จภายใน 30 วัน สำหรับท่าทรายแห่งนี้เคยถูกจับเมื่อปี 2560 และถูกศาลสั่งปรับ 3,000 บาทมาแล้ว
ท่าทรายที่ 3 เป็นของบริษัท ท่าทรายตรัง จำกัด ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง ดูดทรายในพื้นที่กรรมสิทธิ์ ซึ่งท่าทรายแห่งนี้ทางอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง ได้มีการลงตรวจสอบเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 พบว่าการประกอบกิจการโรงงานไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการอนุญาต โดยมีแนวเส้นเขตที่ดินระยะห่างจากขอบบ่อน้อยกว่าที่ได้รับอนุญาต จึงได้สั่งการตามมาตรา 37 ให้มีการปรับปรุงแล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งจากการลงตรวจสอบได้มีการดำเนินการแก้ไขปรับปรุงขอบบ่อแล้ว
นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.ตรัง กล่าวว่า สำหรับการลักลอบดูดทรายในพื้นที่จังหวัดตรัง ยังระบุไม่ได้ว่ามีการลักลอบลดน้อยลงหรือไม่ เพราะมีข้อมูลไม่ชัดเจน แต่เมื่อมีเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบเข้มข้นมากขึ้น การกระทำความผิดในลักษณะนี้ทำได้ยากขึ้น และบุคคลใดก็ตามที่มีการกระทำความผิด ทาง ป.ป.ช.จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่อยู่แล้ว และให้ความสำคัญว่า หนึ่งกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ สองทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมเสียหายหรือไม่ โดยไม่ได้ละเว้นหรือเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น
