ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “เต้” มงคลกิตติ์ ลงพื้นที่ ภูเก็ต พังงา อ้อนขอคะแนนเสียง ระบุผลักดันกาสิโนถูกกฎหมาย รับเฉพาะนักท่องเที่ยวรวย ภูเก็ตเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 แก้ปัญหาเก็บส่วย เก็บภาษีได้มากขึ้น
สำหรับบรรยากาศการหาเสียงในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พังงา เริ่มร้อนระอุขึ้น ขุนพลการเมืองต่างทยอยลงพื้นที่ช่วยลูกพรรคหาเสียง ล่าสุด ที่ศาลหลักเมืองพังงา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือเต้ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ลงพื้นที่จังหวัดพังงา และภูเก็ต เพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชนทั้ง 2 จังหวัด
โดยในส่วนของจังหวัดพังงา ได้มีรถแห่ในเขตเทศบาล พร้อมลงพบปะพี่น้องชาวพังงา แจกโบรชัวร์พรรค ก่อนไปไหว้ศาลเจ้าแม่ม่าจ้อโป๋ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะเดินทางกลับ
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า เราไม่ได้ส่งผู้สมัครลงพื้นที่พังงาทั้งเขต 1 และเขต 2 แต่เราส่งผู้สมัครทั่วประเทศ 35 จังหวัด รวม 102 เขต อยากให้ชาวพังงาพิจารณาพรรคไทยศรีวิไลย์ หมายเลข 42 เบอร์พรรคเบอร์เดียว เพื่อเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องจังหวัดพังงา เนื่องจากจังหวัดพังงาเป็นจังหวัดที่ไม่ใหญ่มาก หากมีปัญหาเราสามารถแก้ปัญหาได้เลย นโยบายหลักอยากให้การท่องเที่ยวฟื้นกลับมาเหมือนเดิม และเรามีนโยบายหลักหลายนโยบายด้วยกันที่จะกระตุ้นเศรฐกิจ
เช่น ถ้าทำธุรกิจด้านท่องเที่ยวสามารถนำเงินอัดฉีดครอบครัว 150,000 บาทไปใช้ได้ เอาไปแก้หนี้นอกระบบ เอาไปหมุนเวียนธุรกิจส่วนตัว แต่เราไม่ให้เปล่า ให้กู้แบบดอกเบี้ยต่ำ 0.01% ไม่ว่าจะเป็นนโยบายคนชรา 5,00 บาท ที่จะนำเงินมาจากการออก พ.ร.ก.หวยบนดินและเงินคนจน พร้อมผลักดันเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย เพิ่มเม็ดเงินให้พื้นที
หลังจากนั้น นายมงคลกิตติ์ หรือเต้ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรคเดินทางมาจังหวัดภูเก็ต ลงพื้นที่บริเวณย่านเมืองเก่าภูเก็ต เพื่อแนะนำตัวและนำเสนอนโยบายของพรรค ขณะเดียวกัน มีแฟนคลับซึ่งมาท่องเที่ยวบริเวณย่านเมืองเก่าภูเก็ตมาขอถ่ายภาพเป็นระลึกด้วย นอกจากนี้ ยังมีรถแห่กระจายประชาสัมพันธ์ไปตามถนนสายต่างๆ โอกาสนี้ก่อนที่จะเดินทางเข้ามาตัวเมืองภูเก็ต ยังได้แวะสักการะศาลหลักเมืองภูเก็ต เพื่อขอพรและความเป็นสิริมงคล
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.ภูเก็ตในครั้งนี้ในส่วนของพรรคไม่ได้ส่งผู้ลงสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งใน จ.ภูเก็ต แต่ด้วยมีการลงสมัครแบบบัญชีรายชื่อ จึงมาแนะนำตัวและขอโอกาสจากคนภูเก็ตในการเลือกในส่วนของพรรค โดยส่วนตัวเคยลงพื้นที่ จ.ภูเก็ตมาแล้วหลายครั้งในฐานะกรรมาธิการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และกาสิโน เพื่อมารับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเปิดให้บริการของสถานบันเทิง เพราะทราบว่าเปิดให้บริการได้ถึงเที่ยงคืนเท่านั้น โดยได้เสนอให้รัฐบาลอนุญาตเปิดสถานบันเทิงได้ถึงเวลาตี 4 ตามคำขอของผู้ประกอบการในขณะนั้น แต่ปรากฏว่าได้รับอนุญาตได้เพียงตี 1
ในความเป็นจริงภูเก็ตเป็นพื้นที่พิเศษหรือคล้ายกับพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก คาดการณ์ว่าทั่วประเทศจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 30 ล้านคน คาดว่าจะเดินทางมาภูเก็ตกระจุกตัวอยู่ที่ภูเก็ตประมาณเดือนละ 1.5 ล้านคน หรือปีละประมาณ 18 ล้านคน ด้วยเวลาของประเทศไทยกับต่างประเทศมีความแตกต่างกัน ดังนั้นในบางพื้นที่ เช่น ถนนบางลา ป่าตอง น่าจะเปิดเวลาตี 4 เป็นต้น เพื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ว่าฯ จะได้ไม่ต้องเก็บส่วย แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ว่าฯ เก็บส่วยนะ แต่จะเป็นใครตนไม่ทราบ เพื่อตำรวจจะได้ไม่ต้องมาหาเศษหาเลยกับผู้ประกอบการ
เมื่อมีรายได้ทำให้สามารถเก็บภาษีได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย พี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการต่างๆ มีรายได้ เพราะในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาเขาเป็นหนี้เป็นสินกันค่อนข้างมาก จะทำให้สามารถปลดหนี้ได้ ด้วยนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจำนวนมาก และอยากให้กระจายไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย รวมถึงการดูแลเรื่องความปลอดภัยของสถานบันเทิง เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ มีการตรวจสอบเรื่องของระบบไฟฟ้า การระบายอากาศและระบบดับเพลิง ตลอดจนการจัดการด้านจราจรและการคมนาคมขนส่ง ไม่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว และไม่เอาเปรียบกันเอง
อย่างไรก็ตาม นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่าหากเปิดเป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ เช่น ผู้ว่าฯ มีเงินเดือนแสนกว่าบาท อาจจะเพิ่มเป็น 2 แสนบาทก็ได้ เพราะทำงานมากกว่าคนอื่น เป็นเงินเพิ่ม เป็นต้น และอยากเสนอรัฐบาลในฐานะเคยเป็นรองกรรมาธิการฯ กาสิโนให้เปิดพื้นที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ให้เฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูงยกเว้นกฎหมายเรื่องการตรวจสอบที่มาของเงิน กรณีนั่งเครื่องบินไปรเวทเจ็ตเข้ามาโรงแรมที่ภูเก็ต และให้รับเพียง 200 คนต่อวัน 365 วัน รวมเกือบ 70,000 คน เอาเงินมาเล่นคนละ 100 ล้านบาท จะมีรายได้ 3.5 ล้านล้านบาทต่อปี จะสามารถเก็บภาษีได้หากรัฐเปิดเอง และใช้หนี้สาธารณะได้ปีละ 700,000 ล้านบาท หรือจะเอาไปจ่ายภาษีน้ำมันปีละ 400,000 ล้านบาท หรือชดเชยการบริการจัดการพลังงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว เป็นต้น
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่าอยากให้พี่น้องชาวภูเก็ตทั้ง 3 เขตหน่วยเลือกตั้ง ในส่วนของเขตจะเลือกใครก็ได้ พรรคไหนที่ซื้อเสียงก็รับเงินไป แต่ให้เลือกพรรคที่ไม่ซื้อเสียง เพราะเงินที่เอามาซื้อเสียงเป็นเงินโกง เช่น ค่าก่อสร้าง คอมมิชชั่น ส่วยแรงงานต่างด้าว ส่วยบ่อนออนไลน์ เป็นต้น ส่วนบัญชีรายชื่อไม่ค่อยมีการซื้อเสียงกันซึ่งเป็นอิสระ หากอยากให้พรรคไทยศรีวิไลย์เป็นตัวแทนเป็นปากเสียงให้คนภูเก็ต เลือกเบอร์ 42
เชื่อว่า ส.ส.ภูเก็ตเจอตนคนเดียวก็หนาวแล้ว ไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่งกว่า แต่ ส.ส.มงคลกิตติ์ และพลพรรคใจถึงกว่าเยอะ กล้าท้าชนทุกเรื่องอะไรที่ไม่ถูกต้องเราทำ ฉะนั้นสิ่งผิดๆ ในประเทศไทยมีมากจึงต้องทำให้ถูกต้อง จะได้แก้และล้างระบบส่วยใน จ.ภูเก็ตให้หมด ให้เป็นภาษี ข้อดีคือ ชาวภูเก็ตร่ำรวยอยู่แล้ว ฐานะดีขึ้นอยู่แล้ว นักท่องเที่ยวมามากขนาดนี้ไม่รวยก็บ้าแล้ว รับรองปีหน้านักท่องเที่ยวจะมามากขึ้น หนี้สินเก่าๆ ในช่วง 3 ปีจากโควิด-19 จะหมดไปแน่นอน
